ชุดสืบสวน สภ.เทพสถิต รวบมือเผาสำนักสงฆ์ทรงธรรมเเล้ว เผยภาพถ่ายติดวิญญาณชวนขนลุก หลัง จนท.เจอสุภาพสตรีใบหน้าคล้ายผู้บริจาคที่ดินให้วัดที่นำโครงกระดูกมาไว้ที่นี่ คาดวิญญาณอาจมาปกป้องสถานที่

กรณี ที่เกิดเหตุเพลิงไหม้สำนักสงฆ์ทรงธรรม ตำบลบ้านไร่ อำเภอเทพสถิต จังหวัดชัยภูมิ พ.ต.ท.วุฒิชัย เยิมสูงเนิน สวส.สภ.เทพสถิต หลังรับแจ้งเหตุจาก ชาวบ้านว่าเกิดเหตุไฟไหม้สำนักสงฆ์ทรงธรรม จึงได้เดินทางไปยังที่เกิดเหตุพร้อมเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน เมื่อเดินทางไปถึง วัดดังกล่าวตามที่แจ้ง พบชาวบ้านและเจ้าหน้าที่ชุดดับเพลิง จากเทศบาลบ้านไร่ กำลังช่วยกันเร่งดับไฟ ที่โหมกระหน่ำอย่างรุนแรงอยู่ ใช้เวลาในการดับไฟประมาณ 30 นาที ก็สามารถควบคุมเพลิงเอาไว้ได้ จากนั้นได้เข้าตรวจสอบเพื่อเก็บรายละเอียดต่างๆ เป็นหลักฐาน เพื่อประกอบสำนวน

จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่ามีอาคารที่เป็นกุฏิที่พักสงฆ์ ซึ่งเป็นอาคารที่พักของพระสิทธิวัตร์ ปณญาคโม เจ้าอาวาส ถูกไฟเผาไม่จำนวน 1 หลัง เครื่องอัฐบริขารต่างๆ ถูกไฟเผาไหม้เสียหายทั้งหมด ที่สำคัญยังพบว่าพระพุทธรูปทองเหลืองปางมารวิชัย ที่สำคัญยังพบว่าพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมือง ที่ชาวบ้านเลื่อมใสศรัทธา ขนาดหน้าตัก 15 นิ้ว ถูกเพลิงเผาจนหลอมละลาย เศียรพระหลุดจากบ่า จนชาวบ้านต่างเห็นแล้วอนาถใจ ส่วนบริเวณคัตเอาต์ ยังมีการเชื่อมต่อสะพานไฟอยู่แต่ไม่พบร่องรอย ของการช็อตแต่อย่างใด ลักษณะต้นเพลิงจะเกิดบริเวณ หน้าพระประธาน

...

ล่าสุดในบ่ายวานนี้ (5 ก.พ. 65) ตำรวจสามารถจับกุมตัวนาย นายอำนาจ ผดุงจิตร อายุ 38 ปี ชาวบ้านในตำบลบ้านไร่ ซึ่งมาอาศัยกินนอน ในสำนักสงฆ์แห่งนี้ และเกี่ยวข้องกับยาเสพติด และเคยต้องโทษมาแล้วหลายคดี ตำรวจสามารถจับกุมได้ที่บ้านพักขณะที่แอบกลับเข้ามา กินข้าวด้วยความหิวหลังหลบซ่อนอยู่ภายในป่า ติดสำนักสงฆ์มาหลายวัน โดยเบื้องต้นนายอำนาจ ยังให้การปฏิเสธ อ้างว่าจุดเทียนบูชาพระ แล้วลืมดับเทียนจนเกิดไฟไหม้ และไม่สามารถดับไฟได้จึงหลบหนีไป ซึ่งตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อ เนื่องจากนำตัวไปตรวจค้นที่บ้าน พบว่ามีการแอบขโมยสิ่งของในสำนักสงฆ์ มาหลายรายการ ตำรวจจึงนำตัวมาทำการสอบสวนหลังจากนำไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ

อย่างไรก็ตามหลังจากที่ตำรวจนำตัวนายอำนาจ เข้าห้องคุมขัง ก็เกิดเรื่องชวนขนลุกเมื่อตำรวจชุดสืบสวนได้นำภาพถ่ายออกมา ให้กับเพื่อนๆ ตำรวจดูซึ่งในภาพถ่ายบริเวณไฟไหม้กุฏินั้น พบว่ามีภาพคล้ายๆ หน้าสุภาพสตรี จ้องมายังชุดสืบสวน จากการพิจารณาดูอย่างละเอียดทุกคนลงความเห็นว่า มีความคล้ายคลึง กับภาพของสุภาพสตรีท่านหนึ่งที่ เป็นผู้บริจาคที่ให้สร้างสำนักสงฆ์ ก่อนเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง จากนั้นทางวัดได้ นำโครงกระดูกมาบรรจุไว้ในตู้กระจก ในลักษณะยืน พร้อมมีภาพถ่ายขณะยังมีชีวิตวางไว้ข้างๆ โครงกระดูก เพื่อเป็นการรำลึกถึงความดีที่สุภาพสตรีท่านนี้ได้ทำไว้ โดยตำรวจเชื่อว่าอาจเป็นดวงวิญญาณ ของเธอที่คอยมาปกป้องสำนักสงฆ์แห่งนี้ก็ได้.