ตำรวจ ปปป.บุกค้นบ้าน อายัดทรัพย์กลุ่มขบวนการยักยอกเงินวัดห้วยด้วนของหลวงพ่อพัฒน์ เพื่อนำไปตรวจสอบเส้นทางการเงิน ได้มาร่วมนับสิบล้านบาท นำส่งไปตรวจสอบ ด้าน 1 ในผู้ถูกค้น โอดโดนแกล้ง ยันบริสุทธิ์
เมื่อวันที่ 1 ก.พ. 65 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่จังหวัดนครสวรรค์ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผู้บังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ นำกำลังตำรวจ บก.ปปป. บก.ปคม. ตำรวจ บก.รฟ. ตำรวจ บก.ปอท. ตำรวจ บก.ทล. รวมกว่า 60 นาย เข้าค้น 4 จุด บ้านกลุ่มไวยาวัจกรของวัดห้วยด้วน และคนใกล้ชิด ในพื้นที่ อ.ไพศาลี และ อ.หนองบัว จ.นครสวรรค์ เพื่อตรวจค้นหาพยานหลักฐาน และอายัดทรัพย์กลุ่มผู้ต้องหาขบวนการทุจริตยักยอกเงินของวัดธารทหาร หรือวัดห้วยด้วน ไปเป็นของตน มาดำเนินการตรวจสอบหาที่ไปที่มาของทรัพย์สินดังกล่าว โดยก่อนหน้านี้ได้อายัดเงินกว่า 60 ล้านบาทกับกลุ่มคนสนิทของหลวงพ่อพัฒน์ พร้อมเร่งตรวจสอบเส้นทางการเงิน
การปฏิบัติการดังกล่าว ทางเจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดียังได้ประสานขอสนับสนุนกำลังจากหน่วยเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด (EOD) กก.สืบสวน ภจ.นครสวรรค์ นำเครื่องตรวจจับโลหะมาร่วมปฏิบัติการครั้งนี้อีกด้วย เพื่อนำมาใช้สแกนตรวจหาสิ่งผิดปกติใต้พื้นดิน หลังแนวทางสืบสวนทราบว่ากลุ่มบุคคลดังกล่าวบางรายมีการนำเงินที่ได้จากวัดไปแปรเปลี่ยนเป็นทรัพย์สินมีค่าจำพวกทองคำ ซึ่งอาจมีการซุกซ่อนตามพื้นที่ต่างๆ ของบริเวณบ้าน โดยเฉพาะใต้พื้นดิน
...
ในการตรวจค้นหาหลักฐานในวันนี้ ทางเจ้าหน้าที่ได้มีการอายัดทรัพย์สินจากบ้านของกลุ่มไวยาวัจกรวัดห้วยด้วนไปเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะที่บ้านของ นายเสนาะ ทองปรอน ในพื้นที่ อ.หนองบัว ซึ่งถือเป็นจุดใหญ่ที่สุด ทางเจ้าหน้าที่ได้อายัดทรัพย์สินที่อยู่ภายในบ้าน มีทั้งรถยนต์ 2 คัน เงินสดจำนวน 3 ล้านบาท ทองรูปพรรณน้ำหนักรวม 13 บาท โฉนดที่ดิน 10 กว่าไร่ สมุดบัญชีธนาคาร 10 เล่ม รวมถึงพระเครื่องเลี่ยมทอง และพระบูชาอีกเป็นจำนวนมาก รวมมูลค่าทั้งหมดนับ 10 ล้านบาท และนอกจากนี้ยังมีการตรวจยึดอาวุธปืนได้อีก 4 กระบอก และเครื่องกระสุนปืนอีกกว่า 100 นัดด้วย โดยทรัพย์สินที่ถูกอายัดไว้ทั้งหมดส่วนหนึ่งได้ส่งต่อไปตรวจสอบที่กรุงเทพฯ และอีกส่วนหนึ่งได้ถูกนำไปเก็บไว้เพื่อรอการตรวจสอบที่ สภ.หนองบัว
หลังการเข้าตรวจค้น ผู้สื่อข่าวได้สอบถามกับนายเสนาะ หนึ่งในไวยาวัจกรของวัดห้วยด้วน ที่ใกล้ชิดกับหลวงพ่อพัฒน์มากที่สุด ได้เปิดเผยว่า รู้สึกน้อยใจที่ตนเองทำความดีมาตลอด แต่สุดท้ายก็ต้องมาโดนแบบนี้ ที่ผ่านมาขอยืนยันว่าตนเองมีความซื่อสัตย์สุจริต ไม่เคยคดโกงเงินวัด หรือของหลวงพ่อเลยสักบาทเดียว ทรัพย์สินที่เห็นทั้งหมดเป็นสิ่งที่ตนหากินแล้วสร้างขึ้นมาเอง ส่วนเรื่องนี้จะเป็นการที่ตนถูกกลั่นแกล้งหรือไม่ ตนไม่ขอยืนยัน แต่หากเป็นเช่นนั้นจริง คนกลุ่มพวกนั้นเขาต้องการให้ตนออกห่างจากหลวงพ่อ เพราะที่ผ่านมามีกลุ่มบุคคลหลายพวกหลายกลุ่มได้เข้ามา แล้วอยากเป็นส่วนหนึ่ง อยากเข้าไปอยู่ใกล้ชิดหลวงพ่อ
...
ด้าน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผู้บังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ เปิดเผยว่า ในการตรวจสอบวันนี้เป็นการอายัดทรัพย์สิน และตรวจค้นหาพยานหลักฐาน ซึ่งยังต้องมีการตรวจสอบอีกหลายขั้นตอน แต่ในเร็วๆ นี้จะมีการสอบสวนพร้อมกับแจ้งข้อกล่าวหากับกลุ่มไวยาวัจกรของวัดห้วยด้วนทั้ง 4 คนนี้อย่างแน่นอน ส่วนหลังจากนี้จะมีการบุกตรวจค้นใครต่อ ขอยังไม่เปิดเผย แต่เรามีเป้าหมายเอาไว้แล้ว
ผบก.ปปป.กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตามสำหรับเรื่องดังกล่าว สืบเนื่องมากจากก่อนหน้านี้เมื่อประมาณเดือนตุลาคม 2564 ที่ผ่านมา ได้มีกลุ่มลูกศิษย์ของพระราชมงคลวัชราจารย์ (พัฒน์ปญุ ญกาโม) หรือ หลวงพ่อพัฒน์ ปญฺญกาโม เจ้าอาวาสวัดห้วยด้วน เข้าร้องทุกข์กับทาง บก.ปปป. ให้ช่วยตรวจสอบกลุ่มไวยาวัจกรของวัดห้วยด้วน และคนใกล้ชิด ที่มีอํานาจหน้าที่ดูแลรักษาจัดการทรัพย์สินของวัด หลังพบมีพฤติการณ์ต้องสงสัยทุจริตยักยอกเงินของวัดห้วยด้วน และมีพฤติกรรมไม่น่าไว้วางใจเกี่ยวกับการบริหารจัดการกิจนิมนต์และการดูแลสุขภาพของหลวงพ่อพัฒน์ พร้อมขอให้ตรวจสอบทรัพย์สินของบุคคลกลุ่มดังกล่าว
...
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวอีกว่า ต่อมาทางเจ้าหน้าที่ บก.ปปป. จะนำกำลังลงพื้นที่สืบสวนสอบสวนตรวจสอบข้อเท็จจริง ก่อนพบว่าในช่วงระหว่างปี 2563-2564 มีประชาชนผู้ใจบุญนำเงินมาทำบุญมอบให้วัดเป็นเงินรวมกว่า 200 ล้านบาท ซึ่งในจำนวนนี้มีบางส่วนประมาณ 30-40 ล้านบาท ที่ทางวัดได้นำไปใช้ทำกิจกรรมช่วยเหลือสังคม หรือสร้างโรงเรียนให้กับประชาชนในพื้นที่ ส่วนที่เหลือไม่ทราบว่าถูกนำไปใช้ทำอะไร จึงได้ตรวจสอบกลุ่มไวยาวัจกรและคนใกล้ชิดหลวงพ่อพัฒน์ คือ นายเสนาะ ทองปรอน, นางชัญญา เพชรสายบัว และนางบุญเชิด สุขจิตร, นายกิมหัน สลัดนาค อย่างละเอียด ก่อนพบหลักฐานที่แน่ชัดแล้วว่าทั้ง 3 รายมีการนําเงินของวัดไปเข้าบัญชีในชื่อตนเอง รวมเป็นเงิน 63,034,470 บาท จึงได้อายัดเงินดังกล่าวนำกลับมาส่งมอบคืนให้กับหลวงพ่อพัฒน์ พร้อมกับเชิญตัวบุคคลทั้ง 3 คนมาทำการสอบปากคำและดำเนินคดีตามขั้นตอนกฎหมาย พร้อมเร่งติดตามเงินส่วนที่เหลืออีกหลายสิบล้านบาทนำกลับมาคืนวัด ก่อนจะมีการสรุปสํานวนการสอบสวนส่งให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.พิจารณาจนมีความเห็นให้ส่งคดีดังกล่าวกลับมาให้ทางพนักงานสอบสวน บก.ปปป.ดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย.