ตร.สอบสวนกลาง สนธิกำลังเปิดปฏิบัติการ "ปราบผีเปรต" ลุยค้น 4 จุด นครสวรรค์ ยึดทรัพย์ไวยาวัจกรทุจริตเงินวัดห้วยด้วน ของ หลวงพ่อพัฒน์ พร้อมนำ EOD ตรวจจับโลหะที่เชื่อว่ามีการฝังดินซ่อนทองคำ

เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 1 ก.พ.65 ที่หน่วยบริการตำรวจทางหลวงหนองบัว จ.นครสวรรค์ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป.พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปปป. สนธิกำลังร่วมกับ ตำรวจ บก.ปคม. ตำรวจ บก.รฟ. ตำรวจ บก.ปอท. ตำรวจ บก.ทล. รวมกว่า 60 นาย เปิดปฏิบัติการ "ปราบผีเปรต" ลุยค้น 4 จุด ในพื้นที่ จ.นครสวรรค์ เพื่อตรวจค้นหาพยานหลักฐานต่างๆ เพิ่มเติม รวมถึง ตามอายัดทรัพย์กลุ่มผู้ต้องหาขบวนการทุจริตยักยอกเงินของวัดห้วยด้วน ไปเป็นของตนเอง มาดำเนินการตรวจสอบหาที่ไปที่มาของทรัพย์สินดังกล่าว



สำหรับปฏิบัติการดังกล่าวสืบเนื่องจากเมื่อเดือน ต.ค. 2564 ที่ผ่านมา ได้มีกลุ่มลูกศิษย์ของพระราชมงคลวัชราจารย์(พัฒน์ปญุ ญกาโม) หรือ หลวงพ่อพัฒน์ ปญฺญกาโม เจ้าอาวาสวัดห้วยด้วน เข้าร้องทุกข์กับทาง บก.ปปป. ให้ช่วยตรวจสอบ กลุ่มไวยาวัจกรของวัดห้วยด้วน และคนใกล้ชิด ที่มีอํานาจหน้าที่ดูแลรักษาจัดการทรัพย์สินของวัด หลังพบมีพฤติการณ์ต้องสงสัยทุจริตยักยอกเงินของวัดห้วยด้วน และมีพฤติกรรมไม่น่าไว้วางใจเกี่ยวกับการบริหารจัดการกิจนิมนต์ และการดูแลสุขภาพของหลวงพ่อพัฒน์ฯ ซึ่งมีอายุมากกว่า 100 ปี พร้อมขอให้ตรวจสอบทรัพย์สินของบุคคลเหล่านี้

...



จากนั้นเจ้าหน้าที่ บก.ปปป. ได้นำกำลังลงพื้นที่สืบสวนสอบสวนตรวจสอบข้อเท็จจริง จนพบว่าในช่วงระหว่างปี 2563-2564 มีประชาชนผู้ใจบุญมีจิตศรัทธานำเงินมาทำบุญมอบให้วัดเป็นเงินรวมกว่า 200 ล้านบาท ในจำนวนนี้มีบางส่วนประมาณ 30-40 ล้านบาท ที่วัดได้นำไปใช้ทำกิจกรรมช่วยเหลือสังคม หรือสร้างโรงเรียนให้กับประชาชนในพื้นที่ ส่วนที่เหลือไม่ทราบว่าถูกนำไปใช้ทำอะไร หรือนำไปเก็บไว้ที่ใด เจ้าหน้าที่จึงไล่แกะรอยเส้นทางการเงิน กลุ่มไวยาวัจกรและคนใกล้ชิดหลวงพ่อพัฒน์  คือ นายเสนาะ ทองปรอน, นางชัญญา เพชรสายบัว และนางบุญเชิด สุขจิตร อย่างละเอียด ก่อนพบหลักฐานที่แน่ชัดแล้วว่าทั้ง 3 ราย มีการนําเงินของวัดไปเข้าบัญชีในชื่อตนเอง รวมเป็นเงิน 63,034,470 บาท จึงได้อายัดเงินดังกล่าวนำกลับมาส่งมอบคืนให้กับ หลวงพ่อพัฒน์ พร้อมกับเชิญตัวบุคคลทั้ง 3 คนมาสอบปากคำและดำเนินคดีตามขั้นตอนกฎหมาย พร้อมเร่งติดตามเงินส่วนที่เหลืออีกหลายสิบล้านบาทนำกลับมาคืนวัด ก่อนจะมีการสรุปสํานวนการสอบสวนส่งให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาจนมีความเห็นให้ส่งคดีดังกล่าวกลับมาให้ทางพนักงานสอบสวน บก.ปปป. ดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายและนำมาสู่การเปิดปฏิบัติการเข้าตรวจค้นดังกล่าว เพื่อสืบหาพยานหลักฐานเพิ่มเติมรวมถึงตรวจยึดอายัดทรัพย์สินของบุคคลทั้ง 3 ราย มาตรวจสอบที่ไปที่มาให้ชัดเจนว่าเป็นทรัพย์สินที่ได้มาจากเงินวัดส่วนที่หายไปหรือไม่



สำหรับการปฏิบัติการตรวจค้นครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปปป ยังได้ประสานขอสนับสนุนกำลังจากหน่วยเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด (EOD) กก.สืบสวน ภ.นครสวรรค์ นำเครื่องตรวจจับโลหะ มาร่วมปฏิบัติการครั้งนี้อีกด้วย โดยนำมาสแกนตรวจหาสิ่งผิดปกติใต้พื้นดิน หลังแนวทางสืบสวนทราบว่ากลุ่มบุคคลดังกล่าวบางรายมีการนำเงินที่ได้จากวัดไปแปรเปลี่ยนเป็นทรัพย์สินมีค่าจำพวกทองคำ ซึ่งอาจมีการซุกซ่อนฝังดินตามพื้นที่ต่างๆ ของบริเวณบ้าน เพื่อหลบซ่อนการตรวจค้นจากเจ้าหน้าที่ก็เป็นได้.