นศ.สาววัย 20 ปี ร้องปวีณา ช่วยถูก 2 ทรชนขับกระบะปาดหน้าลากขึ้นรถพาไปข่มขืนชิงทรัพย์ ร้องขอชีวิตพามาทิ้งไว้โรงปูนคลอง 9 จึงพาเหยื่อไปแจ้งความ สภ.ลำลูกกา ให้ปากคำและหลักฐานล่าคนร้ายมาดำเนินคดี
เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 20 ม.ค. 65 ที่มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ถนนรังสิต-นครนายก (คลอง7) ต.ลำผักกูด อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี น.ส.ก้อย (นามสมมติ) อายุ 20 ปี นักศึกษาสาว ปี 1 มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งใน จ.ปทุมธานี เดินทางมาพร้อมกับแม่ เพื่อร้องขอความช่วยเหลือต่อ นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี กรณีที่ตัวเองขี่ จยย.กลับบ้านหลังจากที่เลิกทำงานแล้ว แต่ถูกคนร้าย 2 คน ขับรถกระบะปาดหน้า บริเวณคลองแอน 8 หลังวัดดอนใหญ่ ต.ลำลูกกา อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี แล้วลงมากระชากขึ้นรถ ให้ใช้หน้ากากอนามัยปิดตาไม่ให้เห็นทาง แล้วขับไปบ้านพักฝ่ายชายย่านคลอง 9 แล้วข่มขืน ก่อนที่จะเอาโทรศัพท์และเงินสดจำนวนหนึ่งไป ก่อนไหว้ขอชีวิต หลังเกิดเหตุคนร้ายได้นำผู้เสียหายมาทิ้งไว้บริเวณโรงปูน คลอง 9 โดยเหตุเกิดเมื่อวันที่ 15 ม.ค.65 เวลา 21.00 น.
น.ส.ก้อย (นามสมมติ) ผู้เสียหาย กล่าวว่า เมื่อวันที่ 15 ม.ค. 65 เวลาประมาณ 21.00 น. หลังเลิกงานพาร์ตไทม์ในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งใน จ.ปทุมธานี ตนได้ขับมอเตอร์ไซค์กลับบ้านโดยใช้เส้นทางลัดมาทางคลองแอน 8 ซึ่งจะใช้เส้นทางนี้เป็นประจำ เมื่อขับมาถึงบริเวณกลางทางคลองแอน 8 ก่อนถึงสี่แยกมุ่งหน้าไปทางวัดดอนใหญ่ ตนสังเกตว่ามีรถกระบะสีดำยกสูง ขับตามหลังมา ขับมาปาดหน้าเมื่อตนหยุดรถมีคนร้ายเป็นชาย 2 คน รูปร่างอ้วน 1 คน ผอม 1 คน ผิวดำแดง อายุประมาณ 30 ปี ลงมาจากรถกระบะและบังคับขู่ให้ขึ้นรถกระบะ จากนั้นคนร้าย รูปร่างผอม ที่นั่งมาด้วยได้ขี่ จยย.ของตนตามรถกระบะไป ส่วนตนถูกบังคับให้นั่งอยู่กับคนร้าย รูปร่างอ้วน ตนยกมือไหว้ขอชีวิตว่า พี่อย่าทำอะไรหนูเลย ปล่อยหนูไป ถ้าพี่อยากได้อะไรให้พี่เอาไปเลย คนร้ายแสดงท่าทีไม่พอใจ และพูดว่าเริ่มหงุดหงิดแล้วนะถามเยอะเดี๋ยวจะไม่ได้กลับบ้าน
...
ผู้เสียหาย กล่าวต่อว่า ด้วยความกลัวตนจึงไม่กล้าที่จะขัดอะไรมากเพราะกลัวถูกฆ่า เมื่อขับมาถึงบริเวณเส้นทางคลอง 9 ระหว่างวัดสมุหราษฎร์กับวัดลันนา คนร้ายได้ขู่ให้เอาหน้ากากอนามัยปิดตาไว้ เพื่อไม่ให้เห็นทางอยู่นาน เมื่อไปถึงจุดเกิดเหตุคนร้ายได้โทรศัพท์ติดต่อเพื่อนที่ จยย.ของตนตามมาว่า ให้รออยู่ที่ทางโค้งแต่ไม่รู้ว่าโค้งตรงไหน จากนั้นคนร้ายได้ให้ตนลงมาจากรถกระบะ และให้จับบ่าคนร้ายเดินเข้าไปห้ามเปิดหน้ากาก คนร้ายใช้กุญแจเปิดห้องเข้าไปและให้ตนนั่งลง ตนได้ยินเสียงคนร้ายคล้ายกับดมอะไรสักอย่างก่อนลงมือข่มขืน ตอนนั้นตนไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะสั่นกลัวไปหมดได้แต่ร้องไห้ และยกมือไหว้ขอชีวิตแต่คนร้ายก็ไม่ยอม
น.ส.ก้อย กล่าวอีกว่า หลังจากที่เสร็จกิจแล้ว คนร้ายออกไปนอกห้องและตนได้ยินเสียง จยย.มาจอด ตนจึงแอบเปิดแมสก์ดูภายในห้องสังเกตเห็นว่า มีที่นอนกับพัดลม ส่วนสิ่งของอื่นมี แต่ต้องรีบปิดหน้ากากเพราะกลัวคนร้ายจะมาเห็น จากนั้นคนร้ายได้พาออกมาจากบ้าน และให้ขึ้นไปนั่งบนรถกระบะเหมือนเดิม ก่อนนำมาปล่อยทิ้งไว้บริเวณโรงปูนคลอง 9 เวลาประมาณ 22.50 น. และยึดมือถือกับเงินในกระเป๋าที่มีติดตัว 300 กว่าบาท จากนั้นคนร้ายได้จดเบอร์โทรศัพท์ให้ น.ส.ก้อย พร้อมกับบอกว่าพรุ่งนี้เช้าให้ตนโทรศัพท์ไปหาคนร้าย หากต้องการโทรศัพท์ของตนคืนก่อนให้ตนเปิดหน้ากาก
ส่วนคนร้ายอีกคนขี่ จยย.ของตนตามมาคืนให้ แต่ตนไม่รู้ทางคนร้ายบอกให้ตนขับเลี้ยวซ้ายไปตามทางจน เจอป้ายวัดดอนใหญ่ และขับเลียบคลองมากระทั่งมาออกเส้นทางธัญบุรีคลอง 8 เวลาประมาณ 23.12 น. จึงได้ไปขอยืมโทรศัพท์ร้านก๋วยเตี๋ยวโทรแจ้งแฟนและแม่ทราบ พาเข้าแจ้งความทันที ขณะนี้ สภาพจิตใจตนย่ำแย่ และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยังฝั่งอยู่ในใจอยู่ตลอดจนทุกวันนี้ กลัวไม่กล้าออกไปไหนคนเดียว เพราะยังตามตัวผู้กระทำมาดำเนินคดีไม่ได้เกรงจะเป็นอันตราย จึงมาติดต่อมูลนิธิปวีณาฯ ให้ช่วยเหลือด้วย
หลังรับแจ้ง นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ได้เดินทางพา น.ส.ก้อย (นามสมมติ) ไปพบ พ.ต.อ.วิวัฒน์ อัศวะวิบูลย์ ผกก.สภ.ลำลูกกา เพื่อให้ปากคำและหลักฐานเพิ่มเติม และเร่งติดตามตัวคนร้ายทั้ง 2 คน มาดำเนินคดี
ขณะที่ นางปวีณา กล่าวว่า อยากฝากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ช่วยติดกล้องวงจรปิด หรือไฟส่องสว่างเส้นทางนี้ให้มากๆ เพราะเปลี่ยวมากและมืด เพื่อทำให้ประชาชนปลอดภัย และไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก
ด้าน พ.ต.อ.วิวัฒน์ อัศวะวิบูลย์ ผกก.สภ.ลำลูกกา กล่าวว่า คดีนี้เบื้องต้นทางได้ให้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.ลำลูกกา ลงพื้นที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามเส้นทางที่น้องผู้เสียหายใช้เดินทางหลังเลิกงานมา ว่ารถคนร้ายขับตามมาตั้งแต่เมื่อไร หรือ มาเจิอกันโดยบังเอิญ เลยก่อเหตุ ซึ่งตอนนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจพบเห็นรถต้องสงสัยแล้ว ว่าเป็นรถอะไร ซึ่งในตอนนี้กำลังอยู่ระหว่างตรวจสอบอย่างละเอียด ซึ่งคาดว่าน่าจะใช้เวลาอีกไม่นาน เพราะคดีดังกล่าว เป็นการก่อเหตุที่อุกอาจมาก ทางเจ้าหนา้ที่ตำรวจไม่ได้นิ่งนอนใจ และเร่งรัดชุดสืบสวนให้ทำงานอย่างเร่งรัด และรวดเร็วที่สุด.
...