ศาลพิพากษายืนการฎีกา คดีอาญานักการเมือง อ่านอุทธรณ์ยกฟ้อง 4 ข้าราชการ คดีทุจริตซื้อรถ-เรือดับเพลิงกทม. “สไตเออร์” 6 พันล้าน เหตุเพราะถูกเชิดเป็นคณะกรรมการจัดซื้อโดยวิธีพิเศษ
ที่ศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง วันที่ 18 มกราคม 2565 ศาลได้อ่านคําพิพากษาชั้นอุทธรณ์ระหว่าง อัยการสูงสุด โจทก์ นายสุวิทย์ ศิลาทอง น.ส.สุทิพย์ ทิพย์สุวรรณ พ.ต.อ.พิชัย เกรียงวัฒนสิริ พ.ต.ท.รักศิลป์ รัตนวราหะ ทั้งสี่คน ดำรงตำแหน่งในฐานะกรรมการจัดซื้อรถดับเพลิงและเรือดับเพลิงพร้อมอุปกรณ์บรรเทาสาธารณภัยของกรุงเทพมหานครโดยวิธีพิเศษ จําเลยที่ 1-4 ตามลำดับ ฐานกระทำผิดต่อหน้าที่ราชการและผิดตาม พ.ร.บ.ฮั้วประมูล คดีนี้ศาลฎีกาฯ เคยมีคำพิพากษายกฟ้องไปแล้ว แต่กฎหมายให้อุทธรณ์ได้
องค์คณะวินิจฉัยอุทธรณ์พิจารณาแล้ว เห็นว่า แม้จําเลยทั้งสี่ซึ่งเป็นคณะกรรมการบริหารโครงการฯ แต่การที่ พล.ต.ต.อธิลักษณ์ ตันชูเกียรติ อดีตผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กทม. นําร่าง A.O.U. ให้คณะกรรมการบริหารโครงการฯ พิจารณาก่อนลงนามในสัญญาที่มีวงเงินถึง 133,749,780 ยูโร คิดเป็นเงินไทยประมาณ 6,687,489,000 บาท เพียง 1 วัน จึงเป็นที่สงสัยว่าเป็นการกระทําเพื่อปกปิดข้อเท็จจริงในการจัดซื้อรถและเรือดับเพลิงที่มีราคาสูงมิให้จําเลยทั้งสี่ล่วงรู้ เพื่อให้การพิจารณาร่าง A.O.U. ผ่านไปได้โดยเร็ว และร่าง A.O.U. ระบุให้มีการลงนามระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลสาธารณรัฐออสเตรีย ทําให้จําเลยทั้งสี่เข้าใจว่า เป็นความตกลงระหว่างรัฐบาลต่อรัฐบาลตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติ การรับทราบและตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับร่าง A.O.U. จึงเป็นกรณีที่จําเลยทั้งสี่เข้าใจว่าได้ดําเนินการตามอํานาจหน้าที่ตามคําสั่งกรุงเทพมหานครโดยถูกต้องแล้ว พฤติการณ์ของจําเลยทั้งสี่ฟังได้ว่า จําเลยทั้งสี่ได้ปฏิบัติตามอํานาจหน้าที่ของคณะกรรมการบริหารโครงการฯ ตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏเท่าที่ทําได้ตามที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติในหลักการแล้ว
...
ส่วนการปฏิบัติหน้าที่ของจําเลยทั้งสี่ในฐานะคณะกรรมการจัดซื้อโดยวิธีพิเศษ เห็นว่า เมื่อ A.O.U. เป็นการจัดซื้อโดยวิธีพิเศษตามมติของคณะกรรมการว่าด้วยการพัสดุของกรุงเทพมหานคร และเมื่อเปรียบเทียบกับการจัดซื้อโดยวิธีพิเศษของกระทรวงกลาโหม ปรากฏว่า กรุงเทพมหานครมีการเสนอขออนุมัติคณะรัฐมนตรีเพื่อทําความตกลงกับสาธารณรัฐออสเตรียก่อนที่จะมีการแต่งตั้งจําเลยทั้งสี่เป็นคณะกรรมการจัดซื้อโดยวิธีพิเศษ ซึ่งเป็นการสลับขั้นตอนผิดไปจากการดําเนินการตามปกติ และยังเป็นการจํากัดอํานาจของคณะกรรมการจัดซื้อโดยวิธีพิเศษให้ต้องจัดซื้อตามราคาที่กําหนดมาแล้ว ทั้งการแต่งตั้งจําเลยทั้งสี่ดังกล่าวก่อน จะมีการลงนามซื้อขายในวันที่ 27 ส.ค. 2547 เพียง 7 วัน เป็นการจํากัดให้จําเลยทั้งสี่มีเวลาดําเนินการตามอํานาจหน้าที่ให้น้อยที่สุด แม้ในช่วงระยะเวลาที่ยังไม่มีการแต่งตั้งจําเลยทั้งสี่ก็มีการดําเนินการต่างๆ โดยมุ่งหมายเพื่อทําข้อตกลงซื้อขายมาโดยตลอด การแต่งตั้งจําเลยทั้งสี่ดังกล่าวเป็นเพียงทำตามขั้นตอนข้อบัญัติกรุงเทพมหานครเท่านั้น
ประกอบกับคดีนี้เป็นการจัดซื้อจากต่างประเทศที่มีข้อตกลงเกี่ยวกับการค้าต่างตอบแทนในราคาที่เท่ากัน จะอนุมานว่าจําเลยทั้งสี่ทราบข้อเท็จจริงว่ารถและเรือดับเพลิงมีราคาสูงอยู่ก่อนแล้ว ย่อมเป็นการรับฟังเป็นผลร้ายแก่จําเลยทั้งสี่
พฤติการณ์แห่งคดีมีข้อจํากัดทําให้ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ และเป็นไปได้ว่าจําเลยทั้งสี่เป็นเพียงกลไกที่ถูกใช้เป็นทางผ่านเพื่อนําไปสู่การจัดซื้อรถและเรือดับเพลิง ตามที่มีการดําเนินการโดยส่วนอื่นๆ มาแต่ต้น จึงยังฟังไม่ได้ว่าการจัดซื้อรถดับเพลิง เรือดับเพลิง และอุปกรณ์บรรเทาสาธารณภัยในราคาสูงนั้นเกิดจากการที่จําเลยทั้งสี่ไม่ได้ตรวจสอบ หรือสืบราคาเปรียบเทียบ
นอกจากนี้ก็ไม่ปรากฏผลประโยชน์อย่างอื่นจากการกระทําดังกล่าวที่จะเชื่อมโยงให้เห็นถึงเจตนาของจําเลยทั้งสี่ว่าต้องการได้สิ่งใดสิ่งหนึ่งตอบแทน พยานหลักฐานตามทางไต่สวนฟังไม่ได้ว่า จําเลยทั้งสี่มีเจตนาปฏิบัติหน้าที่คณะกรรมการจัดซื้อโดยวิธีพิเศษโดยมุ่งหมายมิให้มีการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรมเพื่อเอื้ออํานวยแก่บริษัท สไตเออร์ฯ จํากัด ประเทศออสเตรีย ให้เป็นผู้มีสิทธิทําสัญญากับกรุงเทพมหานครแต่อย่างใด
ทั้งนี้ คดีอาญาศาลต้องใช้ดุลพินิจวินิจฉัยชั่งน้ําหนักพยานหลักฐานทั้งปวงจะถือเอาข้อเท็จจริง ในคดีก่อนมาผูกพันเทียบเคียงสําหรับการกระทําที่แตกต่างกัน โดยที่จําเลยทั้งสี่ไม่ได้เป็นคู่ความในคดีด้วยไม่ได้ คําพิพากษาที่โจทก์อ้างไม่ใช่ข้อบ่งชี้ว่าจําเลยทั้งสี่มีเจตนาในการกระทําความผิดร่วมกับ พล.ต.ต.อธิลักษณ์ ที่ศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมือง พิพากษายกฟ้องจําเลยทั้งสี่มานั้น องค์คณะผู้พิพากษาชั้นวินิจฉัยอุทธรณ์ เสียงข้างมากเห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น ศาลจึงพิพากษายืน
สำหรับเรื่องนี้ เดิมศาลฎีกาเคยพิจารณาลงโทษกลุ่มผู้จัดประมูลเรือดับเพลิงสไตเออร์ไปแล้ว แต่ว่าจำเลยหลบหนี
ต่อมาได้มีการดำเนินคดีข้าราชการ 4 คนที่เป็นคณะกรรมการจัดซื้อด้วยวิธีการพิเศษ ซึ่งศาลมองว่าคณะกรรมการชุดนี้ถูกตั้งมาเพื่อเชิดให้เป็นทางผ่านว่าตั้งคณะกรรมการตามขั้นตอนแล้ว ทั้งที่ก่อนหน้าจะตั้งคณะกรรมการได้มีการดำเนินการจัดซื้อกับสไตเออร์ไปจนเรียบร้อยแล้ว จำเลยจึงไม่มีเจตนาทุจริต และจะไปฟังข้อเท็จจริงเป็นโทษแก่จำเลยไม่ได้ จึงพิพากษายืนยกฟ้อง.