จบด้วยดี รองอธิบดีผู้พิพากษาภาค 5 ยอมควักเงิน 1 หมื่น จ่ายค่าซ่อมรถ-ค่าเสียเวลาให้เจ้าหน้าที่กู้ภัย ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ผกก.สภ.เมืองเชียงใหม่ บอกเป็นเรื่องเข้าใจผิดกัน ยันไม่ได้ปกป้องใคร ผิดถูกว่าไปตามหลักฐาน ส่วนรองอธิบดีผู้พิพากษาภาค 5 บอกไม่ได้เมา แต่หลบหน้าสื่อไม่ยอมให้สัมภาษณ์


ความคืบหน้ากรณีนายชาญศักดิ์ สมประโยชน์ อายุ 59 ปี รองอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตเเละประพฤติมิชอบภาค 5 ขับรถย้อนศรชนรถตุ๊กๆ บริเวณสี่แยกแสงตะวัน ถนนช้างคลาน ก่อนจะขับหลบหนีแล้วไปเฉี่ยวชนกับรถของนายไพโรจน์ พรหมธารา อายุ 32 ปี เจ้าหน้าที่กู้ภัยที่ขับไล่ตามจนได้รับความเสียหาย และเมื่อตำรวจนำตัวมายัง สภ.เมืองเชียงใหม่ นายชาญศักดิ์ ก็ไม่ยอมเป่าแอลกอฮอล์ รวมทั้งยังข่มขู่คู่กรณีว่าเป็นรองอธิบดีผู้พิพากษาภาค 5 รู้กฎหมายเป็นอย่างดี เหตุเกิดหน้าโรงแรมอนันตรา ถนนเจริญประเทศ ตำบลช้างคลาน อำเภอเมืองเชียงใหม่ เมื่อคืนวันที่ 28 ธันวาคมที่ผ่านมา

ล่าสุดเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา วันที่ 31 ธันวาคม 2564 นายไพโรจน์ พรหมธารา เจ้าหน้าที่กู้ภัยได้เดินทางมาพบกับตำรวจที่ สภ.เมืองเชียงใหม่ เพื่อเจรจาเรื่องคดีและค่าเสียหาย โดยตำรวจไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนที่มารอทำข่าวเข้าไปบันทึกภาพภายในห้องพนักงานสอบสวนระหว่างการเจรจา

ขณะที่ต่อมาพบว่านายชาญศักดิ์ ได้เดินทางมายัง สภ.เมืองเชียงใหม่ พร้อมกับภรรยาก่อนหน้านี้แล้ว และรออยู่ในห้องพนักงานสอบสวน จากนั้นได้เดินออกมาเข้าห้องน้ำจึงพบกับสื่อที่มารอทำข่าว แต่ตำรวจได้กันไม่ให้ผู้สื่อข่าวเข้าไปสัมภาษณ์ โดยนายชาญศักดิ์ มีสีหน้าเรียบเฉย ไม่ตื่นตกใจที่เห็นกองทัพสื่อมวลชนมาดักรอทำข่าวจำนวนมาก ส่วนการเจรจาใช้เวลานานกว่า 2 ชั่วโมงเศษ ก่อนที่ พ.ต.อ.ภูวนาถ ดวงดี ผกก.สภ.เมืองเชียงใหม่ จะออกมาให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน

...

พ.ต.อ.ภูวนาถ ดวงดี ผกก.สภ.เมืองเชียงใหม่ กล่าวว่า กรณีที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องเข้าใจผิดกัน โดยหลังเกิดเหตุเฉี่ยวชนรถตุ๊กๆ แล้วทางรองอธิบดีผู้พิพากษาฯ ภาค 5 ได้บอกกับคนขับรถตุ๊กๆ ว่าจะไปเจอกันที่โรงพัก และขับรถออกไปแต่ทางกู้ภัยที่เดินทางมาถึงเข้าใจว่าจะขับรถหลบหนี จึงขับรถไล่ตามทำให้เกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชนกันอีกครั้ง ซึ่งตอนนี้ทั้งสองฝ่ายได้ทำความเข้าใจกันแล้ว และทางรองอธิบดีผู้พิพากษาฯ ภาค 5 ก็ได้ชดใช้ค่าเสียหายให้กับเจ้าหน้าที่กู้ภัย เพราะเข้าใจการทำงานของกู้ภัยที่ทำงานอย่างจริงจัง มีจิตอาสาช่วยเหลือประชาชน

ส่วนคู่กรณีนายชาญศักดิ์ มีตำแหน่งเป็นรองอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 5 จริง แต่ที่ปรากฏในคลิปว่ามีลักษณะอาการคล้ายคนมึนเมา จากการตรวจสอบแล้วนายชาญศักดิ์ยืนยันว่าไม่ได้เมา แต่เป็นคนพูดจาแบบนั้นอยู่แล้ว ซึ่งจะตรวจสอบข้อเท็จจริงอีกครั้งกับพนักงานสอบสวน ส่วนการแจ้งข้อหาเนื่องจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นมีเพียงทรัพย์สินเสียหาย ในเรื่องของความผิดจึงเจรจายอมความกันได้ โดยในส่วนของรถตุ๊กๆ ได้เจรจาชดใช้ค่าเสียหายไปแล้วเช่นกัน

สำหรับกรณีที่นายชาญศักดิ์ ปฏิเสธเป่าแอลกอฮอล์ในคืนดังกล่าว อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าในวันนั้นเกิดอะไรขึ้น และการสันนิษฐานว่า เมื่อปฏิเสธการเป่า ถือว่าเมาหรือไม่ ก็ต้องสอบถามกับพนักงานสอบสวนเจ้าของคดีเพื่อหาข้อเท็จจริงเพิ่มเติมอีกครั้ง แต่เมื่อวันนี้ทั้งสองฝ่ายมาปรับความเข้าใจกันแล้ว และไม่ติดใจอะไรกันแล้ว

พ.ต.อ.ภูวนาถ ยืนยันด้วยว่า ไม่ได้ปกป้องใคร ผิดก็ว่าไปตามผิด ถูกก็ว่าไปตามถูก จะดำเนินการทุกส่วนที่เกี่ยวข้องกับข้อกฎหมาย แต่เรื่องนี้การจะดำเนินคดีหรือแจ้งข้อหากับใคร ต้องใช้ระยะเวลาเพื่อรวบรวมพยานหลักฐานที่มีความน่าเชื่อถือ

ส่วนนายไพโรจน์ กล่าวว่า พอใจและไม่ติดใจอะไรแล้ว ส่วนที่เข้าใจว่าคู่กรณีเมาจนปฏิเสธการเป่าแอลกอฮอล์ และได้กลิ่นในคืนนั้น ก็ต้องรอเจ้าหน้าที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงอีกครั้ง แต่วันนี้ที่พูดคุยกันก็พบว่านายชาญศักดิ์ เป็นคนพูดจาคล้ายกับคนเมา โดยผลการเจรจานายชาญศักดิ์ ได้ชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงินสดให้จำนวน 1 หมื่นบาท เป็นค่าซ่อมรถที่ไปตีราคามาแล้ว 8 พันบาท และค่าเสียเวลาอีก 2 พันบาท.