เหตุขับรถปาดบนสะพานข้ามแยกตากสิน มุ่งหน้าถนนกัลปพฤกษ์ ย่านฝั่งธน หนุ่มใหญ่วัย 43 ปี คว้าท่อนเหล็กตีคู่กรณี ได้รับบาดเจ็บ ถึงขั้นต้องนอนแอดมิตที่โรงพยาบาล ตำรวจ สน.สำเหร่ ยังไม่แจ้งข้อหากับฝ่ายใด
เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 15 ธ.ค. นายสุรญาณช์ หรือเต๊ก ปานเดย์ อายุ 34 ปี อาชีพพ่อค้าขายเวย์โปรตีน พาร่างสะบักสะบอมเข้าแจ้งความกับ ร.ต.อ.วิเชียร สิมมาโคตร รอง สว.(สอบสวน) สน.สำเหร่ กรณีถูกคนร้ายใช้ท่อนเหล็กทำร้ายร่างกายเหตุเกิดบนสะพานข้ามแยกตากสิน มุ่งหน้าถนนกัลปพฤกษ์ แขวงบุคคโล เขตธนบุรี กทม.เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา จากนั้นคนร้ายก็ขับรถเก๋งหลบหนีไป
นายสุรญาณช์ กล่าวว่า เมื่อช่วงเช้าตรู่ต้นขับรถเก๋ง ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นแอคคอร์ด สีขาว ทะเบียน 1 ขฉ 1096 กรุงเทพมหานคร ออกจากบ้านพักย่านยานนาวา มาตามถนนเจริญราษฎร์ ก่อนเลี้ยวซ้ายขึ้นสะพานสมเด็จพระเจ้าตากสินเพื่อจะมุ่งหน้าไปทำธุระย่านฝั่งธนบุรี ระหว่างที่ขับขึ้น สะพานสมเด็จพระเจ้าตากสิน ได้มีรถเก๋ง ยี่ห้อฟอร์ด รุ่นเฟียสต้า สีดำ ทะเบียน 1 ขร 9300 กรุงเทพมหานคร มาขับปาดหน้า ด้วยความโมโหจึงพากันปาดไปมา ราว 2 กิโลเมตร กระทั่งรถคู่กรณี ซึ่งมี ผู้ขับขี่ เป็นชายอายุราว 40-45 ปี ผิวดำ รูปร่างสันทัด และมีเด็กผู้หญิง อายุประมาณ 5-7 ขวบ นั่งมาในรถด้วย ได้ตัดสินใจ หักพวงมาลัยรถมากระแทกรถตน จากทางด้านขวา 3-4 ครั้ง และเบียดรถตน บังคับให้ชนกับขอบทางด้านซ้ายช่วงสะพานข้ามแยกตากสินจนรถตนทั้งสองฝั่งได้รับความเสียหาย
นายสุรญาณช์ กล่าวอีกว่า จากนั้นคู่กรณีได้ขับรถมาปาดจอดตรงหน้า และเดินลงจากรถมา ส่วนตนเมื่อเห็นว่ารถได้รับความเสียหายแล้วก็จะลงไปเจรจาค่าเสียหายและสอบถามสาเหตุด้วยเช่นกัน แต่ระหว่างนั้นเหมือนฝ่ายคู่กรณีไม่พร้อมเจรจากลับเริ่มใช้มือผลักอกตน ตนจึงต้องผลักกลับไปบ้าง แต่เหตุการณ์เริ่มรุนแรงขึ้นเมื่อคู่กรณีเดินไปหยิบท่อนเหล็กยาวประมาณ 2 ฟุตที่ท้ายรถ ปรี่เข้ามา หวังจะตีที่ศีรษะตนหลายครั้ง ทำให้ตนต้องถอยหนี และยกท่อนแขนซ้ายกันเอาไว้แต่ก็ถูกตีที่แขน 4-5 ทีจนได้รับบาดเจ็บ ทั้งๆ ที่ตอนนั้นตนแค่ตั้งใจจะสอบถามคู่กรณีว่ามาขับปาดหน้าและชนรถตนทำไม ตนจำใจลงจากรถไปตัวเปล่าเพราะถูกปาดจอดดักหน้า และตนก็ไม่มีอาวุธ และไม่คิดว่าจะมีการทะเลาะวิวาทเนื่องจากเหตุคู่กรณีมีเด็กผู้หญิงนั่งมาในรถด้วย
...

"เมื่อตอนเห็นท่อนแขนตัวเองหักผิดรูป จึงบอกคู่กรณีไปว่าตนจำเป็นต้องโทรเรียกตำรวจ 191 ทำให้คู่กรณีก็รีบวิ่งขึ้นรถขับเร่งเครื่องหลบหนีไปทางถนนกัลปพฤกษ์ ส่วนตน หลังโทรแจ้งกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ 191 แล้ว ก็ได้ประสานญาติกับทางบริษัทประกันภัย เดินทางมาเข้าพบพนักงานสอบสวนที่ สน.สำเหร่ ก่อนถูกส่งตัวไปรักษาที่ รพ.พญาไท 3 แพทย์ ทำการเอกซเรย์กระดูกแขนซ้ายแล้วพบว่าหัก 2 ท่อน วันนี้จึงต้อง นอนแอดมิตที่โรงพยาบาล ตนอยากสอบถามคู่กรณี ว่าไปทำอะไรให้ถึงต้องมาขับรถชนและทำร้ายร่างกายกันถึงขนาดนี้ และท้ายที่สุดถ้าตนผิด ไปปาดหน้าก่อนโดยที่ไม่รู้ตัวตนก็พร้อมที่จะขอโทษ แต่คู่กรณีก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะทำร้ายร่างกายตนด้วยเช่นกัน" นายสุรญาณช์ กล่าว
ต่อมาเมื่อเวลา 14.00 น.วันเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการตรวจสอบรถเก๋งของคู่กรณีแล้วทราบว่าผู้ขับขี่คือ นายอดิศักดิ์ ไกรษีเจริญสุข อายุ 43 ปี ปัจจุบันทำงานเป็นพนักงานบริษัท จึงได้ติดตามตัวมาทำการสอบสวน เจ้าตัวให้การว่า ก่อนเกิดเหตุขับรถพาลูกสาววัย 7 ขวบ ขึ้นสะพานสมเด็จพระเจ้าตากสินมาอยู่ดีๆ ถูกรถ ของ นายสุรญาณช์ ขับมาปาดหน้าก่อน จึงต้องปาดคืนและเกิดเฉี่ยวชนกัน กระทั่งตอนจอดรถ เห็น นายสุรญาณช์ เดินลงจากรถมา ลักษณะรูปร่างตัวใหญ่กว่า และมีท่าทีจะคุกคามเลยต้องหยิบท่อนเหล็กหลังรถมาตีเพื่อป้องกันตัว ส่วนหลังเกิดเหตุนั้นไม่ได้หลบหนีไปไหน เนื่องจากต้องพาลูกสาวซึ่งได้รับบาดเจ็บขณะที่รถเฉี่ยวชนกันไปพบแพทย์ที่ รพ.ตากสิน พอตำรวจประสานมา จึงรีบเดินทางเข้าพบกับพนักงานสอบสวนทันที

ด้าน ร.ต.อ.วิเชียร สิมมาโคตร รอง สว.(สอบสวน) สน.สำเหร่ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหากับทางฝ่ายใด แต่ในเบื้องต้นพูดคุยกับทั้งสองฝ่ายแล้วยอมรับว่ามีการขับรถปาดหน้ากันไปมา เบื้องต้นจะต้องดำเนินการในข้อหาขับรถประมาทหวาดเสียว กันทั้งสองฝ่าย ส่วนเรื่องการทำร้ายร่างกาย ทั้งคู่ก็อ้างว่า ถูกคู่กรณีทำร้ายเช่นกัน โดยหลังจากนี้ จะต้องดูพยานแวดล้อมอื่นๆ ประกอบในสำนวนด้วย โดยเฉพาะผลการวินิจฉัยของแพทย์ ที่ให้การรักษา แล้วจะเรียกทั้งสองฝ่าย เข้ามารับทราบข้อกล่าวหาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป.