ผบช.ภ.7 เผยจับนักโทษแหกคุกทหารแล้ว 5 เหลืออีก 4 คาดได้ตัวเร็วๆ นี้

ผบช.ภ.7 เผยผู้ต้องขังแหกคุกทหาร มทบ.11 นครปฐม จับได้แล้ว 5 เหลืออีก 4 ราย คาดได้ตัวทั้งหมดเร็วๆ นี้ ด้าน ผบ.เรือนจำแจงเป็นเรือนจำชั่วคราวเครื่องมือตรวจอาจมีช่องโหว่ ปัดราคาใบเลื่อยทะลุ 1 แสน

จากกรณีเมื่อวันที่ 11 ธ.ค. 64 เวลา 02.30 น. ตำรวจ สภ.สามควายเผือก อ.เมืองนครปฐม รับแจ้งเหตุ มีผู้ต้องขังหลบหนีออกจากเรือนจำชั่วคราวทุ่งน้อย (มทบ.11) ต.ทุ่งน้อย อ.เมือง จ.นครปฐม จึงเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุ พบเจ้าหน้าที่เรือนจำพลเรือน แจ้งว่ามีผู้ต้องขังเข้าใหม่ ที่ถูกแยกกักตัวตามมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 หลบหนีไปจากเรือนนอนชาย (พลเรือน) จำนวน 9 คน ดังนี้

1.นายวัชระ นะโมมั่น อายุ 28 ปี ความผิดฐานทำร้ายร่างกาย 2.นายเอกราช แป้งกลั่น อายุ 18 ปี ความผิดฐาน พ.ร.บ.ยาเสพติด 3.นายวีรเชษฐ์ เทพชู อายุ 28 ปี ความผิดฐาน ลักทรัพย์ 4.นายนัถกร มาตรวังแสง อายุ 24 ปี ความผิดฐาน ลักทรัพย์ 5.นายไพฑูรย์ มีคลองแบ่ง อายุ 36 ปี ความผิดฐาน พ.ร.บ.ยาเสพติด 6.นายบำรุง วงศ์สว่าง อายุ 43 ปี ความผิดฐาน พ.ร.บ.ยาเสพติด 7.นายพัชรวุฒิ มูลทองสงค์ อายุ 38 ปี ความผิดฐาน พ.ร.บ.ยาเสพติด 8.นายจำรูญ คล้ายสุบรรณ อายุ 33 ปี ความผิดฐาน พ.ร.บ.ยาเสพติด 9.นายพานิช บัวศร อายุ 35 ปี ความผิดฐาน พ.ร.บ.ยาเสพติด ซึ่งตรวจสอบพบผู้ต้องขัง 9 คน ดังกล่าวได้ใช้ใบเลื่อยตัดเหล็กทำการตัดซี่ลูกกรงห้องขังเรือนนอน 1/5 แล้วหลบหนีไปออกจากเรือนจำ

จนกระทั่งวานนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ นำกำลังออกล่าตัว จนจับกุมตัวผู้ต้องขังได้ 4 คน คือ 1.นายนัถกร มาตรวังแสง อายุ 24 ปี ความผิดฐาน ลักทรัพย์ 2.นายเอกราช แป้งกลั่น อายุ 18 ปี ความผิดฐาน พ.ร.บ.ยาเสพติด 3.นายไพฑูรย์ มีคลองแบ่ง อายุ 36 ปี ความผิดฐาน พ.ร.บ.ยาเสพติด 4.นายวีรเชษฐ์ เทพชู อายุ 28 ปี ความผิดฐาน ลักทรัพย์

จากนั้นเมื่อ 20.30 น. ของวันที่ 11 ธ.ค. 64 เจ้าหน้าที่จับกุมตัวได้เพิ่มอีก 1 รายในเขตพื้นที่ สภ.บางหลวง อ.บางเลน จ.นครปฐม คือ นายวัชระ มะโนมั่น อายุ 28 ปี ฐานทำร้ายร่างกาย เป็นคนที่ 5 ยังคงเหลือนักโทษที่ยังคงหลบหนีอีก 4 ราย ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่สามารถจับกุมตัวได้ แต่ยังคงติดตามไล่ล่าอย่างใกล้ชิด คือ 6.นายบำรุง วงศ์สว่าง อายุ 43 ปี ความผิดฐาน พ.ร.บ.ยาเสพติด 7.นายพัชรวุฒิ มูลทองสงค์ อายุ 38 ปี ความผิดฐาน พรบ.ยาเสพติด 8.นายจำรูญ คล้ายสุบรรณ อายุ 33 ปี ความผิดฐาน พ.ร.บ.ยาเสพติด 9.นายพานิช บัวศร อายุ 35 ปี ความผิดฐาน พ.ร.บ.ยาเสพติด

ล่าสุดเมื่อเวลา 11.30 น. ของวันที่ 12 ธ.ค. 64 ที่ สภ.สามควายเผือก อ.เมืองนครปฐม พล.ต.ท.ธนายัตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7 พร้อมด้วย พล.ต.ต.บุญญฤทธิ์ รอดมา รอง ผบช.ภ.7 (สส) พล.ต.ต.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต รอง ผบช.ภ.7 พล.ต.ต.ประสพชัย มัสยะวนิชกูล ผบก.สส.ภ.7 พล.ต.ต.ชมชวิณ ปุระธนานนท์ ผบก.ภ.จว.นครปฐม พ.ต.ท.วรชัย อารักษ์รัฐ ผบ.เรือนจำกกลางนครปฐม พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเปิดแถลงข่าว การลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณเกิดที่เหตุ เรือนจำชั่วคราวทุ่งน้อย และแถลงผลการปฏิบัติการไล่ล่าจับกุมตัวนักโทษที่หลบหนีจากเรือนจำ พร้อมด้วยของกลางประกอบในคดี

1.ใบเลื่อยเหล็ก จำนวน 1 อันหักครึ่งเป็น 2 ชิ้น ตรวจยึดได้ที่บริเวณใกล้กับห้องน้ำภายในที่เกิดเหตุจำนวน 1 ชิ้น และพบเจออยู่ในกระเป๋าเสื้อของผู้ต้องขังที่นำไปวางไว้บนลวดหนามหีบเพลงใกล้กับกำแพงที่ผู้ต้องขังหลบหนีไปจำนวน 1 ชิ้น
2.เสื้อสีฟ้าของผู้ต้องขังตรวจยึดได้บนกำแพงห้องน้ำภายในที่เกิดเหตุ 3.เสื้อสีฟ้าของผู้ต้องขัง 1 ชิ้น ภายในพบบัตรประชาชนของนายพาณิช บัวศร ตรวจยึดได้บริเวณบนลวดหนามหีบเพลงที่อยู่ใกล้กับกำแพงที่ผู้ต้องขังปีนหลบหนีไป
4.เศษผ้าห่มและผ้าเช็ดตัว 1 ถุง ตรวจยึดได้บริเวณรั้วลวดหนามใกล้กับกำแพงที่ปีนหลบหนี ที่ใช้ในการวางทับลวดหนามหีบเพลงแล้วข้ามหลบหนี นำมาโชว์ให้ดูด้วย

พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ 7 เปิดเผยว่า ขณะนี้ ชุดสืบสวนตำรวจภาค 7 หน่วยปฏิบัติการพิเศษอินทรี 7 สืบสวนกรมราชทัณฑ์ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกำลังร่วมกันบูรณาการเร่งรัดไล่ล่าผู้ต้องขังที่หลบหนีจากเรือนจำที่ยังเหลืออีก 4 คน จับได้แล้ว 5 คน จากจำนวนที่หลบหนี 9 คน ขณะนี้มีความคืบหน้าไปมาก ตำรวจได้เข้าสังเกตการณ์ประกบหมดแล้วตามบ้านญาติ พร้อมกันนี้เราได้ส่งทั้งหมายจับและภาพถ่ายของผู้ต้องหาที่หลบหนีให้ทั้งตำรวจ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และสั่งให้ตำรวจทุกพื้นที่ ในภาค 7 ซึ่งมีกว่า 100 สถานี ประชาสัมพันธ์ให้ชาวบ้านได้ทราบและให้ช่วยเป็นหูเป็นตาแจ้งเบาะแสให้ตำรวจ และย้ำเตือนตำรวจหากพบคนร้ายหลบหนีต้องระวังเป็นพิเศษ หากคนร้ายมีการต่อสู้ก็สามารถป้องกันตัวได้ทันที

ผบช.ภ.7 กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ยังสั่งชุดสืบสวนปราบปรามอินทรี 7 ซึ่งเป็นหน่วยเฉพาะกิจของภาค 7 ออกไล่ล่า โดยมีอาวุธครบมือ เพราะถือว่าผู้ต้องหานั้นมีคดีร้ายแรง แหกห้องคุมขัง ซึ่งมีโทษหนัก หากมีการต่อสู้ให้ใช้มาตรการรุนแรงได้ และยังฝากเตือนไปยังบรรดาญาติของผู้ต้องหาด้วยว่า หากนำพาหรือให้ที่หลบซ่อนจะต้องถูกเนินคดีไปด้วยในข้อหาให้ที่พักพิงและซ่อนเร้น จึงขอให้เมื่อมีการติดต่อมาก็ขอให้แจ้งตำรวจหรือนำพาตัวมามอบให้กับตำรวจที่สถานีตำรวจที่ใกล้ที่สุดหรือที่กำนัน ผู้ใหญ่บ้านก็ได้ขณะนี้ทุกคนที่หลบหนีศาลได้ออกหมายจับให้แล้วทั้งหมด 9 คนรวมถึงคนที่จับได้แล้ว 5 คน โดยศาลตั้งข้อหาที่จับกุมได้ มีความผิดฐานร่วมกันหลบหนีไประหว่างที่ถูกคุมขังตามอำนาจศาลโดยร่วมกันทำความผิดตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป และกระทำด้วยประการใดๆ ให้เข้ามาครอบครอง ใช้ในเรือนจำซึ่งสิ่งของต้องห้าม (เลื่อยเหล็ก) ซึ่งเป็นเครื่องมืออันเป็นอุปกรณ์ในการหลบหนี ขอเวลาตำรวจทำงานก่อนคงใช้เวลาไม่นานจะจับกุมตัวได้ทั้ง 9 คน

ด้าน พ.ต.ท.วรชัย อารักษ์รัฐ ผบ.เรือนจำกลางนครปฐม กล่าวว่า ในกรณีที่มีคนสงสัยว่าผู้ต้องหานำเอาเครื่องมือเช่นใบเลื่อยเข้าไปได้อย่างไร ขอชี้แจงว่าสำหรับการนำสิ่งของเข้าไปในเรือนจำนั้น ทางเรือนจำมีมาตรการที่เข้มงวดอยู่แล้ว หากเป็นเรือนจำถาวร จะมีการติดตั้งเครื่องเอกซเรย์ตรวจจับอาวุธหรืออุปกรณ์ต่างๆ ไม่ให้เข้าเลย แต่ของเรือนจำทุ่งน้อยที่เกิดเหตุนั้น มีข้อจำกัดของสถานที่ เพราะเป็นเพียงแค่ยืมใช้สถานที่จาก มทบ.11 เป็นที่กักตัวป้องกันโควิด-19 เท่านั้น จึงไม่ได้มีเครื่องตรวจโลหะ หรือเครื่องเอกซเรย์ แบบเรือนจำใหญ่ เป็นไปได้ที่โอกาสมีสิ่งของเล็ดลอดเข้าไปในช่องทางผิดปกติ หรือช่องทางพิเศษ จากญาติก็ดีหรือเพื่อนที่เข้าเยี่ยม ในส่วนนี้เราอยู่ระหว่างการประสานข้อมูล กับฝ่ายสืบสวนและสอบสวน อย่างไรก็ตามไม่ว่าผู้ใดที่มีส่วนเกี่ยวข้อง หากเป็นประชาชนทั่วไป หรือผู้สนับสนุน แม้กระทั่งเจ้าหน้าที่เราจะไม่มีการละเว้น จะดำเนินคดีอย่างถึงที่สุด

"สำหรับข่าวลือที่มีระบุว่าใบเลื่อยมีราคาถึง 1 แสนบาท น่าจะเป็นเรื่องที่พูดคุยกันเพียงเท่านั้น แต่ในทางปฏิบัติ ราคา 100,000 บาทของใบเลื่อย คงจะไม่ได้ถึงขั้นนั้น สมัยก่อนมีคนใช้อุปกรณ์ต่างๆ ในการตัดโลหะ หรือกระจก ไม่ใช่มีเพียงแค่ใบเลื่อย แม้กระทั่งหัวไฟแช็ก ที่เราซื้อขายกันเพียงอันละ 5-10 บาท หินของหัวไฟแช็กที่สามารถทำให้เกิดประกายไฟนั้นจะมีความคมมากพอที่สามารถกรีด ตัดกระจก หรือตัดโลหะก็ทำได้ เป็นไปได้ว่าผู้ต้องขังอาจจะมีเวลามากพอในการเตรียมตัว เพราะเท่าที่กองพิสูจน์หลักฐานได้พบพยานวัตถุ เราก็ไม่ได้นิ่งนอนใจจะเร่งคลี่คลาย เชื่อว่าหลังจากที่เราได้ร่วมบูรณาการกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ผลของการสอบสวนจะออกสู่สาธารณชนโดยเร็วที่สุด" ผบ.เรือนจำกลางนครปฐม กล่าว.