ดีเอสไอส่งสำนวนการสอบสวน กรณีทุจริตจัดซื้อจัดจ้าง เสาไฟกินรีของ อบต.ราชาเทวะ จำนวน 27 แฟ้มให้ ป.ป.ช.แล้ว โดยการสอบสวนได้ข้อมูลสำคัญเชื่อมโยงถึงขบวนการผู้บริหาร และการฮั้วประมูลทำรัฐเสียหาย


กรณีการจัดซื้อจัดจ้างโครงการจัดซื้อเสาไฟฟ้าประติมากรรมกินรีพร้อมโคมไฟระบบโซลาร์เซลล์ชนิดกิ่งเดี่ยวพร้อมติดตั้งของ องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ราชาเทวะ อ.บางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งมีมูลน่าเชื่อว่าอาจเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ ความคืบหน้าเรื่องนี้นายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ อัยการพิเศษฝ่าย สำนักงานการสอบสวน 2 ซึ่งได้รับคำสั่งจาก อสส.ให้เป็นที่ปรึกษาพิเศษ กับ ดีเอสไอ เปิดเผยวันที่ 1 ธ.ค. ว่า

ตามที่ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้รับคดีกรณีร้องเรียนการจัดซื้อจัดจ้างโครงการจัดซื้อเสาไฟฟ้าประติมากรรมกินรี พร้อมโคมไฟระบบพลังงานแสงอาทิตย์ (โซลาร์เซลล์) ชนิดกิ่งเดี่ยว พร้อมติดตั้ง ขององค์การบริหารส่วนตำบลราชาเทวะ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ (คดีพิเศษ ที่ 54/2564) ซึ่งสอบสวนเกี่ยวกับ บริษัท บางกอกฯ (ผู้ชนะการประมูล) และ บริษัท มหาสารคาม จำกัด และ บริษัท สุราษฎร์ธานี จำกัด คดีดังกล่าวอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้มอบหมายให้ ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ ผอ.กองคดีความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ เป็นหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ และแต่งตั้งตน เป็นที่ปรึกษาคดีพิเศษตามมาตรา 30 แห่งพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 โดยการสอบสวน

...

ขณะนี้ได้รวบรวมพยานหลักฐานเกี่ยวกับการ กระทำความผิดอาญาที่บริษัทมีพฤติการณ์ในการตกลงร่วมกันในการเสนอราคา เพื่อประสงค์ที่จะให้ประโยชน์ แก่ผู้หนึ่งผู้ใดเป็นผู้มีสิทธิในการทำสัญญาของรัฐโดยหลีกเลี่ยงการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม หรือโดยการกีดกันมิให้มีการเสนอสินค้าหรือบริการอื่นต่อหน่วยงานของรัฐ หรือโดยการ เอาเปรียบแก่หน่วยงานของรัฐอันมิใช่เป็นไปในทางการประกอบธุรกิจปกติ อันอาจเป็นความผิดตามมาตรา 4 มาตราแห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542

ซึ่งขณะนี้กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ส่งสำนวนการสอบสวนคดีพิเศษ จำนวน 27 แฟ้มไปยัง คณะกรรมการ ป.ป.ช. เนื่องจากคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีมติแต่งตั้งองค์คณะไต่สวนกล่าวหาผู้บริหารองค์การบริหารส่วนตำบลราชาเทวะ กระทำการจัดซื้อจัดจ้างโครงการดังกล่าว จึงเข้าข่าย เป็นกรณีการกระทำความผิดเกี่ยวข้องกันและความผิดเรื่องใดเรื่องหนึ่งจะต้องดำเนินการในคราวเดียวกันกับการสอบสวนด้วย ตามมาตรา 30 วรรค 2 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561



โดย การสอบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษได้ข้อมูลสำคัญ ซึ่งอาจจะเป็นประโยชน์สำหรับ ป.ป.ช. ที่จะสามารถเชื่อมโยงถึงขบวนการ ตั้งแต่ผู้กำหนดงบประมาณ ผู้บริหารท้องถิ่นซึ่งเป็นคนเกี่ยวข้องในการจัดซื้อจัดจ้าง และ ผู้ที่ร่วมฮั้วประมูล ทำให้รัฐเสียหายจากโครงการดังกล่าวซึ่งอาจจะมีการขยายผลในทุกองค์การที่เกี่ยวข้องกับตัวประเทศอีกด้วย.