อัยการฟ้องแล้ว ผู้ทุจริตการสอบนายสิบตำรวจ บช.น. เมื่อปี 60 โดยมารายงานตัวเพียง 60 คน จากจำนวน 113 คน เตรียมประสานออกหมายจับผู้ต้องหาไม่มารายงานตัว
เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2564 ที่สำนักงานอัยการสูงสุด พนักงานอัยการได้เรียกผู้ต้องหาในคดีการทุจริตในการสอบข้อเขียน คัดเลือกบุคคลภายนอกเป็นนายสิบตำรวจ ในส่วนของกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) เมื่อปี พ.ศ.2560 จำนวน 113 คน มาเพื่อส่งฟ้องต่อศาลอาญา มีผู้เข้ามารายงานตัวเพียง 60 นาย ส่วนที่เหลืออ้างติดภารกิจ ขอเลื่อนคดี แต่พนักงานอัยการไม่อนุญาต
นายอิทธิพร แก้วทิพย์ อธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญา ในฐานะโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า สำนวนนี้เป็นการทุจริตการสอบนายสิบ ในปีงบประมาณ 2560 ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้มีการจัดสอบบุคคลทั่วไปเพื่อรับสมัครบุคคลภายนอกอายุตั้งแต่ 18-27 ปี มีวุฒิการศึกษาจบมัธยมศึกษาปีที่ 6 หรือระดับ ปวช. หรือเทียบเท่า เพื่อสอบคัดเลือกเข้าเป็นนักเรียนนายสิบตำรวจ
สำหรับคดีนี้ทางพนักงานสอบสวนได้ดำเนินคดี ได้แจ้งข้อกล่าวหาจำนวน 116 คน ใน 3 ข้อหา อั้งยี่ที่มีการรวมตัวกันกระทำผิดทางอาญา มีจำนวน 113 คน, แจ้งความเท็จต่อเจ้าหน้าที่พนักงาน และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14(2) นำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าไปในคอมพิวเตอร์ จำนวน 57 คน อย่างไรก็ตามอัยการมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง 3 คน เนื่องจากพยานหลักฐานไม่เพียงพอ
วันนี้สำนวนที่สั่งฟ้องทั้ง 3 ข้อหา มีจำนวน 57 คน ส่วนอีก 56 ราย สั่งฟ้องเฉพาะข้อหาอั้งยี่ที่มีการสมคบกันกระทำผิดทางอาญา โดยได้ส่งฟ้องต่อศาลอาญาในช่วงเช้านี้ แต่หากบุคคลใดไม่มารายงานตัวทางอัยการจะออกหมายจับในทันที ซึ่งในสำนวนการสอบสวนมีทั้งให้การรับสารภาพ และปฏิเสธ ขอให้การในชั้นศาล
...
อธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญา เปิดเผยว่า สำหรับกลโกงในการทำข้อสอบนั้นและข้อเท็จจริงจะมีรายละเอียดเป็นข้อยุ่งยาก แต่รับรองว่าพนักงานอัยการจะนำเสนอประกอบพยานหลักฐานต่างๆ ต่อศาลเพื่อให้ศาลรับฟังได้แน่นอน สามารถนำมาพิสูจน์ความผิดได้ และมีพยานต่างๆ มาประกอบแวดล้อม
ผู้สื่อข่าวถามว่า สามารถจับกุมได้ถึงคนจัดติว หรือผู้จัดให้มีการสมคบกันหรือไม่ นายอิทธิพร กล่าวว่า มีตัวหัวโจกถูกดำเนินคดีด้วย ส่วนจะมีกลโกงจัดคิวกันอย่างไร เป็นรายละเอียดจะเปิดเผยในชั้นนี้ไม่ได้.