คุมตัว "ไอ้หมี" เสพยาเคชิงทรัพย์-มีดจี้คอเจ้าของโรงแรมเป็นตัวประกัน ส่งเข้าฝากขังเรือนจำ พร้อมขอศาลเพิ่มโทษ ค้านประกัน โดน 6 ข้อหาหนัก รอสหวิชาชีพสอบปากคำเด็ก จ่อแจ้งข้อหาเพิ่มเติม
เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 23 ต.ค.64 ที่สน.ยานนาวา ร.ต.อ.ชนะศึก โรจนพิทยากร รองสว.สอบสวน สน.ยานนาวา ได้ยื่นคำร้องฝากขัง นายกำพล หรือหมี นากระโทก อายุ 31 ปี ผู้ต้องหาที่ก่อเหตุ ใช้อาวุธมีดจี้จับเจ้าของโรงแรมภายในซอยเจริญกรุง 44 เป็นตัวประกัน ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ ซึ่งพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหา จำนวน 6 ข้อหา ประกอบด้วย บุกรุกเคหสถาน, กักขังหน่วงเหนี่ยว, ชิงทรัพย์, กรรโชกทรัพย์, พกพาอาวุธมีดไปในทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร และครอบครองยาแอมเฟตามีน (ยาเค) ทั้งนี้ไม่รวมข้อหาที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดต่อเด็กหญิงอายุ 14 ปี ที่ถูกทำร้ายร่างกาย กักขังหน่วงเหนี่ยว
ซึ่งวันนี้จะมีการนำเด็กหญิงอายุ 14 ปี มาสอบปากคำโดยสหวิชาชีพจึงจะมีการแจ้งข้อกล่าวหาที่ทำความผิดเกี่ยวกับเด็กเพิ่มเติมในภายหลัง ทั้งนี้ท้ายคำร้องฝากขังพนักงานสอบสวนได้คัดค้านการประกันตัว เนื่องจากผู้ต้องหามีพฤติกรรมการกระทำความผิดซ้ำ โดยขอให้ศาลเพิ่มโทษตามดุลยพินิจ โดยศาลพิจารณาคำร้องแล้วอนุญาตให้ฝากขังได้ ทางพนักงานสอบสวนจึงคุมตัว นายกำพล พร้อมผู้ต้องหาคดีอื่นๆ อีก 2 คน มุ่งหน้าไปที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ให้ศาลพิจารณาส่งไปคุมขังไว้ที่เรือนจำต่อไป
ขณะเดียวกันได้มีญาติ ประกอบด้วย น.ส.แมว อายุ 34 ปี และ น.ส.เหมียว อายุ 29 ปี ซึ่งอ้างตัวเป็นพี่สาวและน้องสาวของ นายกำพล เดินทางมาเยี่ยมที่ห้องควบคุมผู้ต้องหา สน.ยานนาวา ตั้งแต่ช่วงสาย โดย น.ส.แมว เปิดเผยว่า ขณะที่ตน 2 คน เข้าเยี่ยมนายกำพล เจ้าตัวร้องไห้พร้อมกับกล่าวว่าไม่ได้ตั้งใจที่จะก่อเหตุ จึงถามว่าแล้วทำไปทำไม นายกำพล บอกมีเรื่องเครียด เชื่อว่าน้องชายไม่คิดทำร้ายใคร หรือทำร้ายตัวประกันอย่างแน่นอน เพราะน้องชายยืนยัน บอกว่าแค่ต้องการที่จะเอาตัวเองออกจากบริเวณที่เกิดเหตุเท่านั้น หากปล่อยตัวประกันไปก่อน เกรงว่าจะถูกตำรวจวิสามัญ อย่างไรก็ตามทางญาติไม่ได้ยื่นขอประกันตัวนายกำพลแต่อย่างใด
...
ด้าน น.ส.เหมียว กล่าวว่า ยอมรับว่าตอนนี้ตนเองเป็นห่วง กลัวเจ้าตัวจะคิดสั้นฆ่าตัวตายเพราะก่อนหน้านี้เคยทำร้ายตัวเองโดยใช้มีดกรีดหน้าและศีรษะมาแล้ว ที่สำคัญระหว่างที่ถูกจำคุกอยู่ภายในเรือนจำข้อหาเก่าๆ ก็เคยพยายามผูกคอตายมาแล้ว หลังจากที่ตนทั้ง 2 คน เข้าเยี่ยมทำให้นายกำพล คลายความเครียดลงได้บ้าง และยืนยันว่าหลังจากพ้นโทษมาแล้วจะไม่ก่อเหตุขึ้นอีก แต่ตนเองในฐานะที่เป็นญาติ ย่อมรู้จักนายกำพลเป็นอย่างดี เชื่อว่าถ้าออกจากคุกมา นายกำพล ก็จะก่อเหตุอีก เพราะน้องชายเคยบอกกับตนเองว่าโลกภายนอก โดยเฉพาะสังคมสมัยนี้อยู่ยาก อยู่ข้างในคุกดีกว่าไม่ต้องสร้างความเดือดร้อนให้ใคร ทำงานได้เต็มที่วันละ 300 บาท กินวันเดียวก็หมดแล้ว ไม่เหมือนอยู่ในคุก ไม่มีใครต้องเดือดร้อน พ่อแม่ ญาติพี่น้องไม่ต้องมารับภาระ.