ผบช.ทท. แถลงปิดจ๊อบ 2 คดี หลังส่งตำรวจท่องเที่ยวลุยจับหนุ่มเนปาลสวมบัตรประชาชนคนไทย และจับแก๊งโรแมนซ์สแกม หลอกโอนเงินค่าพัสดุจากต่างประเทศ

เมื่อวันที่ 20 ต.ค.64 กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว พล.ต.ท.สุคุณ พรหมายน ผบช.ทท. พร้อมด้วย พล.ต.ต.อภิชาติ สุริบุญญา รอง ผบช.ทท., พล.ต.ต.ศุภเศรษฐ์ โชคชัย รอง ผบช.ทท., พล.ต.ต.ชัยน์วัฒน์ อรัญวัฒน์ รอง ผบช.ทท., พล.ต.ต.ธวัช ปิ่นประยงค์ ผบก.ทท.1 ได้สั่งการให้ตำรวจท่องเที่ยวปราบปรามอาชญากรรมที่ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยว หรืออาชญากรรมที่แฝงมากับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ เพื่อเตรียมพร้อมในการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวได้ดำเนินการสืบสวน ติดตาม จับกุมผู้กระทำความผิด และผู้ต้องหาตามหมายจับคดีสำคัญ

พล.ต.ท.สุคุณ เผยว่า กรณีจับกุมหนุ่มเนปาลสวมบัตรประชาชนไทยโดย พล.ต.ต.ธวัช ปิ่นประยงค์ ผบก.ทท.1 มอบหมายให้ ชุดสืบสวน กก.3 บก.ทท.1 โดย พ.ต.ท.อภิรุ่ง เพียรมงคล สว.กก.3 บก.ทท.1 สืบสวนจับกุมตัวผู้ต้องหาคือ นายเจียก กฤตพรพงษ์ อายุ 32 ปี สัญชาติไทย หรือชื่อเดิม นายแซม (Mr.Shyam) เชื้อชาติเนปาล ผู้ต้องหาซึ่งกระทำความผิด "สวมสิทธิเป็นบุคคลอื่นขอมีสัญชาติไทยและบัตรประชาชนโดยทุจริต" อันเป็นความผิดตามกฎหมายด้วยกัน 2 ส่วน ส่วนแรกเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.บัตรประจำตัวประชาชน พ.ศ.2526 และ พ.ร.บ.การทะเบียนราษฎร พ.ศ.2534 ข้อหา "เป็นผู้ยื่นคำขอมีบัตรประชาชนโดยมิได้มีสัญชาติไทย ด้วยการแสดงหลักฐานอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อความจริงต่อพนักงานเจ้าหน้าที่, แจ้งข้อความอันเป็นเท็จหรือแสดงหลักฐานอันเป็นเท็จต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ในการขอมีบัตรประจำตัวประชาชน, เป็นคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทย ทำหรือใช้หรือแสดงหลักฐานอันเป็นเท็จหรือกระทำการเพื่อให้ตนเอง หรือผู้อื่นมีชื่อหรือมีรายการอย่างหนึ่งอย่างใดในทะเบียนบ้าน หรือเอกสารทะเบียนราษฎรอื่นโดยมิชอบ"

...


ส่วนที่สองเป็นความผิดแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงาน ตามประมวลอาญา ข้อหา แจ้งข้อความอันเป็นเท็จ แก่เจ้าพนักงาน ซึ่งอาจทำให้ผู้อื่น หรือประชาชนเสียหาย, แจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารมหาชน หรือเอกสารราชการ ซึ่งมีวัตถุประสงค์สำหรับใช้เป็นพยานหลักฐานโดยที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน และใช้หรืออ้างเอกสารอันเกิดจากการกระทำผิดตาม มาตรา 267 ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน

โดยตำรวจท่องเที่ยวตรวจสอบพบว่า นายเจียก ผู้ต้องหาเปิดร้านตัดเย็บเสื้อผ้าชุดสูทในพื้นที่อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เน้นบริการตัดชุดสูทให้นักท่องเที่ยว น่าเชื่อว่าเป็นบุคคลต่างด้าวสวมบัตรประชาชนไทย จึงทำการสืบสวนร่วมกับเจ้าหน้าที่กรมการปกครอง พบว่าเดิมผู้ต้องหาเป็นชาวเนปาล เมื่อปี พ.ศ.2553 ผู้ต้องหาได้แจ้งความเท็จต่อนายทะเบียนอ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี แอบอ้างสวมสิทธิเป็น นายเจียก ซึ่งเป็นชาวมอญ ที่เกิดในประเทศไทยมีสิทธิขอสัญชาติไทยได้ตามกฎหมาย แต่ไม่เคยมาติดต่อนายทะเบียนขอใช้สิทธิ เมื่อเจ้าหน้าที่หลงเชื่อว่าผู้ต้องหาคือนายเจียก ผู้ต้องหาก็ยื่นคำร้องขอมีสัญชาติไทยจนได้รับบัตรประชาชนสัญชาติไทย ในชื่อ นายเจียก กฤตพรพงษ์ จากนั้นผู้ต้องหาเปลี่ยนที่อยู่เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบ แล้วมาเปิดร้านตัดเย็บเสื้อผ้าชุดสูทในราคาแพงเกินจริง เอารัดเอาเปรียบลูกค้านักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ


ต่อมาตำรวจท่องเที่ยวและเจ้าหน้าที่กรมการปกครอง ตรวจสอบพบการกระทำความผิดแอบอ้างสวมสิทธิตำรวจท่องเที่ยวจึงได้ร้องทุกข์ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาพร้อมรวบรวมพยานหลักฐานให้พนักงานสอบสวนขออนุมัติหมายจับ ซึ่งศาลจังหวัดหัวหินได้อนุมัติหมายจับ ที่ 112/2564 ลง 12 ต.ค.64 ให้จับกุมผู้ต้องหารายนี้

2. กรณี จับกุมคดี Romance Scam แสร้งรักออนไลน์หลอกโอนเงินค่าพัสดุจากต่างประเทศ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการควบคุมธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว นำโดย พ.ต.อ.รัฐพงศ์ แก้วยอด ผกก.ควบคุมธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ ตรวจสอบกรณี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 1219/2564 ลงวันที่ 29 ก.ค.64 และสามารถจับกุมได้

นางสาวณัฐชยา (สงวนนามสกุล) อายุ 39 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 1219/2564 ลงวันที่ 29 ก.ค. 64 ในความผิดฐาน "ฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น โดยสุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่บางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น"

พฤติการณ์แห่งคดี คือ ก่อนถูกจับ กลุ่มผู้ต้องหาได้ใช้เฟชบุ๊กปลอมชื่อ "Golder Johnson" อ้างว่าตนชื่อ MiSS GOLDER JOHNSON เข้าพูดคุยจนคุ้นเคยกันและได้มีการแอดไลน์โดยใช้ไอดีไลน์ Covtneynolca1234567 เพื่อพูดคุยกัน โดยได้อ้างตนเองเป็นคนสัญชาติอเมริกาพื้นเพเป็นคนลอสแอนเจลิส ทำงานเป็นทหารอยู่กองกำลังรักษาสันติภาพของสหรัฐอเมริกาที่ประเทศอัฟกานิสสถาน จะเข้ามาเที่ยวที่ประเทศไทยในวันที่ 15 เม.ย.64 และแจ้งว่าจะส่งกระเป๋ามาก่อนโดยจะส่งมาให้ผู้เสียหายก่อน จนวันที่ 25 มี.ค.64 เวลาประมาณ 08.00 น. ได้มีเบอร์โทรมาแจ้งว่าชื่อคุณนิตยา จากบริษัท GPI คลังสินค้า ที่ตั้ง 34/15 วิภาวดีรังสิต ซอย 4 ว่ากระเป๋าได้ถูกส่งมาอยู่ที่สนามบินดอนเมือง มีน้ำหนักเกิน ต้องชำระเกี่ยวกับค่าภาษี จำนวน 37,000 บาท ผู้เสียหายจึงหลงเชื่อโอนเงินให้กับคนร้ายไปยังบัญชีธนาคาร ชื่อบัญชี นางสาวณัฐชยา จำนวน 37,000 บาท จากนั้นผู้เสียหายพยายามต่อติดสอบถามเรื่องกระเป๋าแต่ไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจน ประกอบกับได้ตรวจสอบบริษัทดังกล่าวไม่อยู่จริง จึงทราบว่าถูกหลอกลวงและได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.คธม.บช.ทท. ได้จับตัวกุมได้ในเวลาต่อมา

...

เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าถูกชายชาวไนจีเรียหลอกให้เปิดบัญชีให้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ทำการสืบสวนขยายผลต่อไป นอกจากนี้จากการตรวจสอบประวัติพบว่า นางสาวณัฐชยา ยังมีหมายจับที่ 584/64 ลง 6 ก.ย.64 ของ สภ.เมืองเชียงใหม่ ในข้อหา "ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น"อีกด้วย

กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว จึงขอฝากพี่น้องสื่อมวลชนประชาสัมพันธ์ไปยังนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ รวมถึงประชาชนทั่วไป หากมีเหตุด่วนเหตุร้ายเกิดกับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติหรือพบเห็นพฤติการณ์ที่จะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยว สามารถแจ้งมายังสายด่วน 1155 ตำรวจท่องเที่ยวพร้อมให้บริการตลอด 24 ชม.