ตำรวจไซเบอร์ เผยยอดผู้เสียหายถูกหักเงินออกจากบัญชีธนาคาร เบื้องต้นประมาณ 4 หมื่นคน มูลค่าความเสียหายไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท เชื่อทำเป็นขบวนการ ดูดเงินครั้งละไม่มาก แต่ทำหลายครั้ง

เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2564 ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) เมืองทองธานี พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผบช.สอท. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ชูฉัตร ธารีฉัตร รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.นิเวศน์ อาภาวศิน ผบก.ตอท. ร่วมกันแถลงกรณีมิจฉาชีพล้วงข้อมูลส่วนตัว หลอกถอนเงินจากบัญชีธนาคาร โดยมีประชาชนหลายรายถูกหักเงินออกจากบัญชีธนาคาร บัตรเครดิต หรือบัตรเดบิต จำนวนหลายครั้งโดยไม่ทราบสาเหตุ

พล.ต.ท.กรไชย กล่าวว่า ขณะนี้ตำรวจไซเบอร์ได้ร่วมประชุมกับสภาธนาคารไทย และธปท. เพื่อหาความร่วมมือแก้ปัญหากรณีดังกล่าว เบื้องต้นพบว่า มีผู้เสียหายประมาณ 4 หมื่นคน ยอดสูงสุด 2 แสนบาท มูลค่าความเสียหายไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท ซึ่งผู้เสียหายถูกถอนเงินครั้งละจำนวนไม่มาก แต่หลายบาท หลายครั้ง เชื่อว่าคนร้ายไม่น่าจะก่อเหตุคนเดียว และมาจากหลายกลุ่มใช้วิธีหลายรูปแบบ โดยพฤติการณ์การก่อเหตุ สัญนิษฐานว่าอาจเกิดจาก 3 ลักษณะ

คือ 1. เป็นการผูกบัญชีบัตรเครดิต บัตรเดบิต หรือบัญชีธนาคารเข้ากับแอปพลิเคชันต่างๆ เช่น แอปพลิเคชันออนไลน์ และข้อมูลเกิดหลุดไปถึงแก๊งมิจฉาชีพ 2. การส่ง SMS หลอกลวง ที่จะส่งลิงก์มาตาม sms เข้ามือถือผู้เสียหาย และให้กรอกข้อมูลต่างๆ เช่น ปล่อยเงินกู้ ไปรษณีย์ไทย และ 3. การใช้บัตรเครดิตและบัตรเดบิตในชีวิตประจำวัน เช่น การให้บัตรพนักงานไปชำระค่าสินค้าและบริการ ในห้าง หรือการเติมน้ำมัน อาจถูกพนักงานเก็บข้อมูลเลขหน้าบัตร 16 หลัก และเลข CVC หลังบัตร 3 ตัว ซึ่งคนร้ายอาจมีการรวบรวมข้อมูลและขายต่อในตลาดมืด

ฝากเตือนประชาชนอย่าผูกบัตรเครดิต บัตรเดบิตกับแอปพลิเคชันที่ไม่จำเป็น หรือไม่น่าเชื่อถือ ไม่คลิกลิงก์ใน SMS หรืออีเมลแปลกที่ไม่รู้จัก และควรลบหรือปิดเลข CVC เลข 3 ตัวหลังบัตร เพื่อความปลอดภัย

...

พล.ต.ต.นิเวศน์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบพฤติกรรมการดูดเงินมักจะเป็นการดูดเงินจำนวนไม่กี่บาท แต่หลายๆ ยอด เพราะหากเป็นบัตรเดบิตมักจะไม่มีการส่ง SMS แจ้งเตือนให้ผู้เสียหายรู้ ซึ่งยอดเหล่านี้มักเกิดจากการชำระซื้อค่าไอเทมในเกม หรือซื้อโฆษณาออนไลน์ ที่ไม่จำเป็นต้องส่งสินค้าให้กับผู้ซื้อ ซึ่งการสืบสวนตำรวจต้องประสานกับร้านค้าที่รับชำระว่า กระบวนการตัดเงินอย่างไร หากเป็นแอปพลิเคชันในประเทศ อาจง่ายต่อการตรวจสอบมากกว่าแอปพลิเคชันที่อยู่ในต่างเทศ เช่น google

ทั้งนี้ จะหารือกับ ธปท.และกลุ่มผู้ค้าสินค้าออนไลน์ ถึงมาตรการป้องกัน อาทิ อาจมีการลงทะเบียนร้านค้าออนไลน์ อาจปรับมาตรการแจ้งเตือนชำระสินค้าและบริการที่เป็นยอดน้อยๆ ไม่ถึงขั้นต่ำ เพื่อป้องกันปัญหาดังกล่าว