หนุ่มวัย 33 เปิดเผยสาเหตุที่ลงมือฆ่าพ่อตัวเอง มาจากปมเหตุพ่อเล่นไสยศาสตร์ เคยทำของใส่แล้วยังลงมือทำร้ายลูกเมีย โดยวันเกิดเหตุมีปากเสียงกับพ่อ เกิดการยื้อยุดเลยคว้ามีดลงอาคมแทงเพื่อป้องกันตัว
เมื่อเวลา 11.10 น. วันที่ 18 ต.ค.64 ที่ สน.บางชัน พล.ต.ต.พรชัย ขจรกลิ่น ผบก.น.4 พร้อมด้วย พ.ต.อ.สินเลิศ สุขุม รอง ผบก.น.4 พ.ต.อ.กิตติ แสงศิริวุฒิ ผกก.สน.บางชัน พ.ต.อ.สิทธิศักดิ์ นาคามาตย์ ผกก.สส.บก.น.4 พ.ต.ท.เด่นโดม ลาภานันต์ รอง ผกก.สส.สน.บางชัน ร่วมแถลงข่าวจับกุมนายหัทเมธ หรือดิว ทิพหา อายุ 33 ปี ลูกทรพีก่อเหตุใช้อาวุธมีดแทงพ่อ 12 แผล จนเสียชีวิต พร้อมของกลาง กางเกงยีนส์ 1 ตัว เสื้อยืดสีดำ 1 ตัว รองเท้าแตะ 1 คู่ กระเป๋าสะพายสีดำ 1 ใบ ร่มสีชมพู 1 คัน อาวุธมีดสปาร์ตาปลายแหลม ยาวประมาณ 10 นิ้ว ลงอักขระอาคม พร้อมปลอก 1 ด้าม จับกุมได้ที่ห้องพักในแมนชั่นแห่งหนึ่งย่านซอยนวมินทร์ 54 แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม กทม. เมื่อเวลา 03.00 น. วันที่ 18 ต.ค.64
พล.ต.ต.พรชัย กล่าวว่า สืบเนื่องจาก เมื่อช่วงเย็นวันที่ 17 ต.ค.64 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางชัน รับแจ้งเหตุมีผู้เสียชีวิตบริเวณบ้านหลังหนึ่งในหมู่บ้านคลองจั่นวิลล่า 4 ซอยรามคำแหง 142 แขวงราษฎร์พัฒนา เขตสะพานสูง กรุงเทพฯ ก่อนหลบหนี จึงเดินทางไปตรวจสอบ พบศพนายสมบูรณ์ ทิพหา อายุ 66 ปี นอนเสียชีวิตใกล้กับประตูบ้าน ตามร่างกายมีบาดแผลถูกของมีคมแทงหลายแห่ง จากการสืบสวนทราบว่า นายหัทเมธ ทิพหา ซึ่งเป็นบุตรชายของผู้ตาย ได้หลบหนีไปซ่อนตัวที่แมนชั่นแห่งหนึ่งภายในซอยนวมินทร์ 54 แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม กรุงเทพมหานคร จึงติดตามไปจับกุมตัวไว้ได้
...
จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า เป็นบุตรชายของผู้ตาย แต่ออกจากบ้านไปอยู่ที่อื่น นานเกือบ 6 ปี แต่ไปมาที่บ้านตลอด พ่อเป็นคนเล่นไสยศาสตร์ มีอารมณ์ร้าย เคยทำของใส่แม่และตน รวมทั้งทำร้ายตนและแม่ด้วย ทำให้แม่ทนไม่ได้แยกทางกับพ่อเกือบปีแล้ว วันเกิดเหตุตนไปเอาสิ่งของบางอย่างที่บ้าน จากนั้นได้มีปากเสียงทะเลาะกับพ่อไม่ให้ตนออกจากบ้าน เกิดการยื้อยุดกัน คว้ามีดของพ่อซึ่งลงอักขระอาคม แทงไปหลายแผล เพื่อป้องกันตัว ก่อนหลบหนีไป
จากการตรวจสอบประวัตินายหัทเมธ ไม่พบประวัติอาชญากรรม หรือเสพยาเสพติด เบื้องต้นแจ้งข้อหา ฆ่าบุพการีและพกพาอาวุธมีดไปในเมืองและหมู่บ้านโดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่มีเหตุอันควร และในเวลา 13.00 น. ตำรวจจะคุมตัวนายหัทเมธ ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพบ้านที่เกิดเหตุต่อไป.