ตำรวจภูธรภาค 3 ลงดาบไล่ออก ส.ต.ท. สายตรวจ สภ.ปากช่อง ก่อเหตุชิงทรัพย์ร้านห้างเพชรทองเยาวราช ใช้อาวุธปืนยิงเจ้าของร้านขณะต่อสู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส
เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2564 พล.ต.ต.ไพศาล ลือสมบูรณ์ รอง ผบช.ภ.3 ในฐานะโฆษก ภ.3 เปิดเผยว่า ตามที่เมื่อวันที่ 1 ก.ย.64 เวลาประมาณ 16.40 น. ได้มีคนร้ายใช้อาวุธปืนเข้าชิงทรัพย์ที่ร้านห้างเพชรทองเยาวราช ภายในศูนย์การค้าบิ๊กซี อ.ปากช่อง จว.นครราชสีมา ได้สร้อยคอทองคำไปประมาณ 132 บาท ราคารวม 3.6 ล้านบาท แล้วใช้อาวุธปืนยิงเจ้าของร้านขณะต่อสู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส หลังก่อเหตุหลบหนีไป นั้น
พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ ผบช.ภ.3 พล.ต.ต.พรชัย นลวชัย ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา พล.ต.ต.ชูสวัสดิ์ จันทร์โรจนกิจ ผบก.สส.ภ.3 พร้อมกำลังออกสืบสวนติดตามจับกุมคนร้าย ต่อมาวันที่ 2 ก.ย.64 เวลาประมาณ 14.00 น. ได้จับกุมตัว ส.ต.ท.อนุชา บุญอารักษ์ ตำรวจสายตรวจ สภ.ปากช่อง ให้การรับสารภาพว่า เป็นคนร้ายก่อเหตุชิงทรัพย์ร้านห้างเพชรทองเยาวราช และใช้อาวุธปืนขนาด 9 มม. ของทางราชการที่เบิกปฏิบัติหน้าที่ยิงเจ้าของร้านได้รับบาดเจ็บสาหัส นำเจ้าหน้าที่ตำรวจไปชี้ที่เกิดเหตุประกอบคำรับสารภาพ และนำไปเอาสร้อยคอทองคำที่ชิงทรัพย์มาทั้งหมดที่บ้านพักส่วนตัวที่บ้านหนองตะกู ต.ขนงพระ อ.ปากช่อง จว.นครราชสีมา และยอมรับว่าสาเหตุที่ต้องก่อเหตุเพราะมีปัญหาหนี้สินมาก
วันที่ 3 ก.ย.64 ตำรวจภูธรภาค 3 ได้ตั้งกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง และให้ออกจากราชการไว้ก่อน และจะไล่ออกจากราชการทันที ส่วนเรื่องการกวดขันวินัยของผู้บังคับบัญชาในการดูแลผู้ใต้บังคับบัญชา จากการตรวจสอบเบื้องต้นผู้บังคับบัญชาทุกระดับของ สภ.ปากช่อง ได้เร่งรัดกวดขันมีการประชุมหน้าแถว ประชุมรายเดือน สั่งการ กำชับการปฏิบัติหน้าที่ตามระเบียบ จรรยาบรรณของตำรวจมาโดยตลอด ทราบจากเพื่อนตำรวจใน สภ.ปากช่อง ว่า ปกติ ส.ต.ท.อนุชา จะเก็บตัว ไม่ค่อยพูดจา ไม่ค่อยสุงสิง ไม่ค่อยปรับทุกข์พูดจากับเพื่อนร่วมงานและกับใคร
...
สำหรับเกี่ยวกับการดำเนินคดี ตำรวจภูธรภาค 3 จะดำเนินคดีตามกฎหมายกับ ส.ต.ท.อนุชา อย่างเด็ดขาด ขณะนี้พยานหลักฐานที่ได้ก็มีมากพอต้องรอพยานหลักฐานอีกบางส่วนจะได้เร่งรัดเพื่อให้พร้อมที่สามารถพิสูจน์ความผิดในชั้นการพิจารณาของศาลได้อย่างแน่นอน