เผยห้องในคลิปถุงคลุมหัว ผกก.โจ้ เป็นห้องทำงานชุด ชป.05 ขณะที่ อดีต ตร.เผยวิธีถุงคลุมหัวรีดข้อมูลทำมานาน แต่ไม่ใช่แบบ ผกก.โจ้ ส่วนนักเที่ยวบอก ช่วง ผกก.โจ้ อยู่ด่านเมาแล้วขับเยอะดักหัวท้ายถนน
กรณี พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ ผกก.โจ้ อดีต ผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์ กับพวกที่ถูกจับ กรณีใช้ถุงพลาสติกดำครอบศีรษะนายจิระพงศ์ หรือมาวิน ธนะพัฒน์ อายุ 24 ปี ผู้ต้องหาคดียาเสพติดในเซฟเฮาส์ “บ้านกาแฟ” หลังโรงพักจนเสียชีวิต
เมื่อวันที่ 1 ก.ย. 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการเปิดเผยของแหล่งข่าวเจ้าหน้าที่ตำรวจคนหนึ่ง ไม่ประสงค์เปิดเผยชื่อ ระบุข้อมูลว่า ห้องที่ ผกก.โจ้ เข้าไปสอบสวนและทำให้มาวินเสียชีวิตนั้น ห้องดังกล่าวเป็นห้องที่สำหรับนั่งทำงานของเจ้าหน้าที่ชุด ชป. 05 ซึ่งวันที่เกิดเหตุจะเห็นว่าได้ว่ามีการนำมาวินออกมาจากอีกห้องเพื่อนำมาดังห้องทำงาน (ห้องเชือด) บ้านกาแฟ เพื่อให้ ผกก.โจ้ ได้สอบจนถึงขั้นนำถุงดำมาคลุมหัวรวม 6 ถุง จนเสียชีวิต
สำหรับการสอบสวนผู้ต้องหานั้น จะต้องเป็นห้องที่อยู่ด้านหลังห้องทำงานมีประตูเชื่อมต่อกันได้ถึง 3 ห้อง มีห้องสอบสวน 2 ห้อง และห้องทำงานของเจ้าหน้าที่อีก 1 ห้อง จากวันที่เกิดเหตุจะเห็นได้ว่ามีการนำตัวมาวินออกมาจากห้องด้านข้างของกล้อง ซึ่งเป็นประตูที่เชื่อมต่อกับห้องสอบสวน นำเข้าเดินมาโดยมีถุงคลุมหัวมายังห้องที่ทำงานเพื่อให้ ผกก.โจ้ ได้สอบสวนเอง จนทำให้มาวินเสียชีวิตดังกล่าว
...
ขณะที่ เจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่ง ไม่ขอเผยตัวตน กล่าวว่า ในฐานะที่ตัวเองเคยอยู่ชุดปราบปรามยาเสพติด สภ.เมืองนี้มาก่อน ตัวเองก็เคยใช้วิธีการเอาถุงคลุมหัวผู้ต้องหายาเสพติด โดยทำไปเพื่อเป็นการขยายผล เพราะผู้ต้องหาไม่มีใครมาบอกหรอกว่าของกลางอยู่ที่ไหน ตอนที่ตัวเองใช้ถุงคลุมหัวผู้ต้องหา ตัวเองใช้ถุงดำแค่ใบเดียว ระยะเวลาประมาณ 1 หรือ 3 นาที แต่ไม่ได้ใช้ถุงคลุมนานขนาดนี้ และผู้ต้องหาคนที่ตัวเองกระทำก็ไม่ได้ถึงแก่ความตายอีกด้วย เพราะมีการยืดหยุ่นให้ได้หายใจเหมือนกดหัวคนให้จมน้ำ
นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวได้รับเปิดเผยของนักท่องเที่ยวคนหนึ่ง ไม่เผยชื่อในพื้นที่จังหวัดนครสวรรค์ กล่าวอ้างว่า ตั้งแต่ช่วง ผกก.โจ้ เข้ามารับผิดชอบในเขต สภ.เมืองนครสวรรค์ จะมีการสั่งให้ตั้งด่านทุกวัน เป็นช่วงๆ ไป รวมไปถึงกลางวันส่วนใหญ่จะตั้งด่านบริเวณหน้า สภ.เมืองนครสวรรค์ และบริเวณทางเข้าสนามกีฬากลางจังหวัดนครสวรรค์ ในส่วนเวลากลางคืนจะมีด่านตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ทั่วไป ซึ่งจะเป็นการตั้งด่านใกล้กับสถานบันเทิง เหมือนจะดักทั้งขาขึ้นและขาล่อง เพื่อไม่ให้มีผู้ใดรอดออกไปได้ บางส่วนจะมีชุดเจ้าหน้าที่สังเกตการณ์บริเวณด้านหน้าของสถานบันเทิง พอดูจากสภาพของผู้ที่ขับขี่เหมือนมีอาการมึนเมาสุรา ก็จะทำการขับประกบแล้วขอเรียกตรวจวัดแอลกอฮอล์ ซึ่งจะพาไปที่ สภ.เมืองนครสวรรค์ เพื่อทำการเป่าวัดแอลกอฮอล์ ถ้ามีปริมาณเกินกว่ากฎหมายกำหนดก็จะทำการดำเนินคดีเลย
นักเที่ยวอีกคนที่ชอบท่องเที่ยวยามราตรี กล่าวอ้างว่า ตั้งแต่ ผกก.โจ้ มารับตำแหน่งมีการตั้งด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์ทุกคืน โดยมีการตั้งด่านแบบปิดหัวท้ายสถานบันเทิง เหมือนกับว่าจงใจที่จะตั้งด่านเพื่อจับกุมนักเที่ยว และพนักงานเด็กเสิร์ฟ ตามสถานบันเทิงต่างๆ และยังมีพฤติกรรมจะขี่จักรยานยนต์ผ่านหน้าร้านก่อน และเห็นผู้ขับขี่ที่เมาแล้วมีปริมาณแอลกอฮอล์มาก ก็จะโบกเรียกตรวจ สำหรับคนขี่รถจักรยานยนต์และรถยนต์ก็จะมีการเจรจาตกลงกันเป็นรายๆ แลกกับการปล่อยตัวไม่ดำเนินคดีเมาแล้วขับ รวมทั้งเรื่องบุหรี่ไฟฟ้าด้วย ซึ่งจะถูกเรียกปรับด้วยเช่นกัน.