ผู้การนครสวรรค์ เผยกำลังเตรียมเอกสารเรื่องย้ายสำนวนพร้อมย้ายตัว ผกก.โจ้ และพวก 7 คน ไปคุมขังที่เรือนจำใน กทม.ต่อ คาดจบภายในสัปดาห์นี้ ยันพร้อมตรวจสอบการร้องเรียนคดียาเสพติดทุกคดีใน จ.นครสวรรค์

จากกรณีคลิปการจับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพ ของ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ ผกก.โจ้ อดีต ผกก.สภ.นครสวรรค์ กับพวกรวม 7 คน ใช้ถุงพลาสติกดำครอบศีรษะนายจิระพงศ์ หรือมาวิน ธนะพัฒน์ อายุ 24 ปี ผู้ต้องหาคดียาเสพติดในเซฟเฮาส์ “บ้านกาแฟ” หลังโรงพักจนเสียชีวิต จนนำมาสู่การเปิดโปงผู้กระทำความผิด ออกหมายจับตำรวจทั้ง 7 นาย มาสอบสวนและดำเนินคดีตามข่าวที่ได้เสนอไปแล้วนั้น 

เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 1 ก.ย. 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศวันนี้บริเวณด้านข้างบ้านกาแฟยังใช้เชือกกันที่เกิดเหตุมัดไว้รอบ พร้อมกับมีเจ้าหน้าที่ตำรวจคอยออกมาคอยดูอยู่เป็นระยะว่ามีใครจะเข้ามายุ่งเกี่ยวกับสถานที่หรือไม่ 

พล.ต.ต.ระพีพงษ์ สุขไพบูลย์ ผบก.ภูธรจังหวัดนครสวรรค์ กล่าวว่า กระแสการย้าย ผกก.โจ้ เข้าไปที่เรือนจำที่พื้นที่ กทม. เป็นดำริของผู้ใหญ่เข้าใจว่าทาง ผบ.ตร.ได้มีการสั่งการ ให้ทาง พ.ต.อ.เอนก ได้ทำเรื่องให้นำตัว ผู้ต้องหาทั้งหมดเข้าไปอยู่ในเรือนจำกลางก็อยู่ในภาค 6 เนื่องจากในพื้นที่จังหวัดนครสวรรค์มีการแพร่ระบาดของโรคโควิดเป็นจำนวนมาก แต่การที่จะย้ายไปเรือนจำในกรุงเทพฯ ก็เป็นไปตามที่กระแส ซึ่งจะเรียบร้อยภายในสัปดาห์นี้ และภายในวันสองวันจะมีความชัดเจนขึ้น สำหรับการย้ายตัวผู้ต้องหานั้นเป็นเรื่องของความมั่นคง หรือสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งมีการระบาดในพื้นที่ราชทัณฑ์ ต้องรอความชัดเจนของทางผู้ใหญ่ ตอบแทนไม่ได้ สำหรับการย้ายตัวผู้ต้องหาเข้าไปยังเรือนจำในกรุงเทพฯ มันเป็นเรื่องที่เคยมีมาหลายคดีแล้ว

...

ผบก.ภูธรจังหวัดนครสวรรค์ กล่าวต่อว่า เนื่องจากคดีนี้เป็นคดีที่สำคัญและเพื่อป้องกัน และความไม่มั่นใจของพี่น้องประชาชน หรือกระแสสังคมต่างๆ ตั้งแต่ทราบเรื่องมาตั้งแต่วันที่ 21 ส.ค. 64 ที่ผ่านมา ทางเราได้ดำเนินการมาตลอด ทั้งสืบสวนทางลับ และสอบตัวบุคคล จนกระทั่งมีหลักฐานที่สำคัญคือคลิปวิดีโอ ซึ่งคลิปวิดีโอชัดเจนขนาดนั้นก็ยังต้องส่งตรวจพิสูจน์ที่กองนิติวิทยาศาสตร์ว่ามีการตัดต่อหรือไม่อย่างไร

"เรื่องการที่มีการร้องเรียนเรื่องจับยาเสพติดในพื้นที่จังหวัดนครสวรรค์ ขอให้พี่น้องประชาชนหรือสื่อมวลชน ถ้าพบเห็นหรือรู้มีเบาะแสเกี่ยวกับการร้องเรียน เราจะทำการตรวจสอบและจะทำความจริงให้กระจ่างทุกราย ในส่วนของ สภ.เมืองนครสวรรค์ในช่วงที่ ผกก.โจ้อยู่หรือใครก็แล้วแต่ ผมรับปากและพร้อมที่จะตรวจสอบให้ความจริงเป็นกระจ่างทุกราย ขอให้พี่น้องประชาชนมั่นใจได้" พล.ต.ต.ระพีพงษ์ กล่าว

ผบก.ภูธรจังหวัดนครสวรรค์ กล่าวอีกว่า สำหรับในวันพรุ่งนี้ (2 กันยายน 64) ช่วงเวลาประมาณ 09.00 น. ผู้บังคับการฯ ตัวผม และ พ.ต.อ.ณรงค์ศักดิ์ พรหมทา รอง ผบก.ภ.จว.นว. รักษาการแทน ผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์ แพทย์นิติเวช อัยการ และคนอื่นที่เกี่ยวข้อง ไปให้ปากคำที่กรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ที่สภาผู้แทนราษฎร กรุงเทพฯ

ด้าน พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รองผู้บังคับการกองบังคับการปราบปราม คณะทำงานพนักงานสอบสวน
กล่าวว่า การสอบปากคำในวันนี้ จะเตรียมข้อมูล เพื่อเข้าสอบปากคำผู้ต้องหา ทั้ง 7 รายพรุ่งนี้ ที่เรือนจำพิษณุโลกซึ่งตั้งเเต่ฝากขังทั้ง 7 รายตั้งเเต่ 27 สิงหาคม เป็นต้นมา ยังไม่มีการไปสอบปากคำเพิ่ม โดยการสอบครั้งนี้ จะมีพนักงานสอบสวน ทนายความ และ อัยการ เข้าร่วม

รองผู้บังคับการปราบปราม กล่าวถึงส่วนการโอนย้ายผู้ต้องหาทั้ง 7 คน ว่า ขณะนี้ กำลังเดินทางไปที่เรือนจำกลางพิษณุโลกเพื่อทำเรื่อง จะต้องยื่นคำร้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตเเละประพฤติมิชอบภาค 6 เพราะอำนาจในการคุมขังขณะนี้อยุ่ในศาลอาญาคดีทุจริตประพฤติมิชอบภาค 6 แต่การโอนย้ายจะยื่นคำร้องต่อศาลภาค 6 ก่อน ถ้าอนุญาตก็สามารถดำเนินการได้เลย คาดว่าจะใช้เวลาไม่นานโดยการขอโอนย้ายเรือนจำ พนักงานสอบสวน มีอำนาจตามกฎหมาย ตาม ป.วิอาญา ม.150 /1

ด้านนายอายุตม์ สินธพพันธ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยทางโทรศัพท์ระบุ ทางกรมราชทัณฑ์จะควบคุม เรื่องการโอนย้ายตัวนักโทษ ถ้ามีโอนคดี ก็ต้องคุมตัวมาไว้ที่เรือนจำที่กรุงเทพฯ

ขณะที่ นายณรงค์ จุ้ยเส่ย ผู้บัญชาการเรือนจำกลางพิษณุโลก เปิดเผยว่า ตอนนี้ทางเรือนจำกลางพิษณุโลกยังไม่ได้รับการประสาน เป็นเอกสารส่งมาที่เรือนจำกลางพิษณุโลกอย่างเป็นทางการ สิ่งที่กังวลก็คือ เรื่องของการไปเจอผู้ต้องหายาเสพติด ยืนยันว่าขณะนี้ ดูเเลเป็นธรรมเต็มที่ เหมือนคนทั่วไป ไม่มีญาติเข้าเยี่ยม ยกเว้นพนักงานสอบสวน เเละทนาย ผู้ต้องขังอาจมีความเครียด ติดต่อญาติไม่ได้ เพราะต้องฝากขังทั้ง 21 วัน ทั้งนี้ ยืนยันว่าผู้กำกับโจ้ ไม่ได้อยู่ห้องแอร์

...

ส่วน ดร.ศุภโชค ควรฤาชัย ผบ.เรือนจำกลางนครสวรรค์ เรื่องเกี่ยวกับการขอย้ายตัวผู้ต้องหา ยังไม่มีการรับการติดต่อจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ถ้าหากมีเอกสารมาเมื่อไหร่ก็จะทำการของอำนาจศาลและอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ทำเรื่องส่งไปยังเรือนจำจังหวัดพิษณุโลก เราได้ประสานและพูดคุยกันกับเรือนจำจังหวัดพิษณุโลกอยู่ตลอดเวลา คาดว่าจะมีการประสานงานกันระหว่างเรือนจำกลางจังหวัดนครสวรรค์กับเรือนจำจังหวัดพิษณุโลก ซึ่งตรงนี้ไม่น่ามีปัญหาแต่อย่างไร.