เฒ่าหัวงูมีหนาว หลัง "ผบช.ภ.5" จับแม่เล้าเครือข่าย "จุ๊บแจง" นำไปสู่ขยายผลแก๊งกินเด็ก ซื้อบริการเด็กสาว เด็กชาย ครั้งละ 1-2 พันบาท พบมีรายชื่อทั้งหมด 23 ราย ทั้งอดีตข้าราชการผู้ใหญ่ เจ้าของกิจการ เจ้าอาวาส หลายวัดในเชียงใหม่และลำพูน ตร.เตรียมรวบรวมหลักฐานนำสู่การจับกุม

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 24 ส.ค.64 ที่ศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผบช.ภ.5 พล.ต.ต.วีรชน บุญทวี ผบก.สส.ภ.5 พ.ต.อ.วรพงศ์ คำลือ รอง ผบก.สส.ภ.5 ได้ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมแก๊งค้ามนุษย์ พร้อมขยายผลจับกุมผู้ใช้บริการที่มีทั้งอดีตข้าราชการใหญ่ เจ้าของกิจการ หลากหลายอาชีพ รวมทั้งวงการพระสงฆ์ในเชียงใหม่และลำพูน



พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผบช.ภ.5 เผยว่า สืบเนื่องจาก 29 มิ.ย.ที่ผ่านมา ตำรวจภูธรภาค 5 โดย ศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ ตำรวจภูธรภาค 5 และภาคประมง ได้จับ น.ส.สุดาลักษณ์ สุขแยง หรือ จุ๊บแจง อายุ 29 ปี เป็นชาวบ้าน จ.เชียงใหม่ นายณัฐวุฒิ สุวรรณเป็ง อายุ 30 ปี อยู่ อ.สันทราย และน.ส.วิว (นามสมมติ) อายุ 16 ปี ในความผิดฐาน ข้อหา “ร่วมกันสมคบโดยตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปค้ามนุษย์โดยการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากการค้าประเวณี เป็นการกระทำแก่เด็กอายุไม่เกินสิบห้าปี, เพื่อสนองความใคร่ของผู้อื่น เป็นธุระจัดหา ล่อไป หรือพาไปเพื่อการอนาจารซึ่งชายหรือหญิง แม้ผู้นั้นจะยินยอมก็ตาม เป็นการกระทำแก่เด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปี, เป็นธุระจัดหาล่อไป หรือชักพาไปซึ่งบุคคลใดเพื่อให้บุคคลนั้นกระทำการค้าประเวณี แม้บุคคลนั้นจะยินยอมก็ตาม, พรากและพาเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครอง เพื่อการอนาจารและยุยงส่งเสริมเด็กประพฤติไม่สมควร

ผบช.ภ.5 จนได้นำสู่การสืบสวนขยายผลจากคดีค้ามนุษย์ดังกล่าวข้างต้น พบผู้เสียหายเพิ่มเติมอีก 3 คน ถูกกลุ่มแม่เล้าชักชวนไปค้าประเวณีให้แก่ลูกค้าชาย ในเขตพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งผู้ซื้อประเวณีส่วนใหญ่เป็นชายสูงอายุ มีทั้งอดีตข้าราชการ และที่น่าตกใจเป็นพระสงฆ์ระดับเจ้าอาวาสจากวัดหลายแห่งในเชียงใหม่และลำพูน โดยจะติดต่อผ่านมายังแม่เล้าเครือข่ายจุ๊บแจง ให้จัดหาเด็กสาวเพื่อมามีเพศสัมพันธ์และให้ค่าตอบแทนครั้งละ 1,000-2,000 บาท โดยนัดหมายให้แม่เล้านำเด็กสาวไปส่งยังโรงแรมต่างๆ หลังจากที่มีเพศสัมพันธ์กับผู้ซื้อประเวณีเสร็จสิ้นแล้วแม่เล้าจึงมารับเด็กและแบ่งเงินค่าตัวกันโดยแม่เล้าได้รับส่วนแบ่งค่านายหน้า แม่เล้ายังมีเครือข่ายผู้จัดหาเด็กใหม่ๆ มาเพื่อให้ผู้ซื้อประเวณีเลือกไม่ซ้ำหน้า

...



จากการสืบสวนยังพบว่ามีผู้ซื้อประเวณีเด็กเป็นกลุ่มชายสูงอายุ ประกอบอาชีพพ่อค้า นักธุรกิจ ผู้รับเหมา และข้าราชการบำนาญ มีจำนวน 23 รายแต่รู้ตัวชัดเจนจำนวน 7 รายที่มีการซื้อบริการทางเพศเด็กซ้ำๆ บางครั้งซื้อประเวณีเด็กพร้อมกันสองคนเพื่อไปมีเพศสัมพันธ์แบบหมู่ จึงทำการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติออกหมายจับต่อศาลจังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 7 หมาย ต่อมาเมื่อ วันที่ 23 ส.ค. ชุดปฏิบัติการร่วมกันระดมกวาดล้างบุคคลตามหมายจับ และสามารถจับกุมผู้ซื้อประเวณีเด็กได้จำนวน 7 ราย ดำเนินคดีในข้อหา “กระทำชำเราเด็กอายุไม่เกินสิบห้าปี, พรากและพาเด็กอายุไม่เกินสิบห้าปีไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครองหรือผู้ดูแล เพื่ออนาจาร โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม” ส่วนผู้ซื้อประเวณีรายอื่นอยู่ในระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อออกหมายจับมาดำเนินคดีต่อไป

พล.ต.ท.ประจวบ เผยต่อว่า การขยายผลที่น่าตกใจจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าช่วยเหลือเด็กชาย จำนวน 2 คน ถูกพ่อเล้าได้ชักชวนกลุ่มเด็กชายเร่ร่อนบริเวณประตูท่าแพ ไปขายบริการทางเพศให้แก่ชาวต่างชาติ และกลุ่มคนไทยชายรักชาย พ่อเล้าจะพาเด็กไปส่งให้ลูกค้ามีเพศสัมพันธ์ตามสถานที่ต่างๆ เช่น โรงแรมม่านรูด ห้องน้ำในปั๊มน้ำมัน หรือบางครั้งริมถนนจุดมุมอับลับตาผู้คน ค่าบริการครั้งละ 500-1,000 บาท พ่อเล้าเก็บเงินทั้งหมดไว้และแบ่งให้เด็กเพียงค่าขนมและค่าเล่นเกมเท่านั้น ขณะนี้อยู่ในระหว่างสืบสวนขยายผลเพื่อช่วยเหลือเด็กที่เคยถูกผู้ต้องหาพาไปค้าประเวณี และได้ดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานและพิสูจน์ทราบผู้ซื้อประเวณีเพื่อมาดำเนินคดีต่อไป

"ฝากเตือนสำหรับกลุ่มพระสงฆ์ที่ใช้บริการเด็กมีทั้งวัดในเชียงใหม่และลำพูน โดยใช้บริการทั้งเด็กหญิงเด็กชายโดยใช้สถานที่ภายนอกวัดนั้น ในขณะนี้ทางตำรวจอยู่ในระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อจะดำเนินการคดีจนถึงที่สุด จึงขอฝากเตือนผู้ชายที่มีรสนิยมชอบมีเพศสัมพันธ์กับเด็กที่อายุยังไม่เกิน 18 ปี การกระทำดังกล่าวมีโทษตามกฎหมายอาญาที่สูง โดยเฉพาะเด็กที่อายุไม่เกิน 15 ปี แม้เด็กนั้นจะยินยอมก็ตาม และยังเป็นความผิดต่อบิดามารดา ผู้ปกครองของเด็กนั้นอีกด้วย


และขอฝากเตือนผู้ปกครองเฝ้าระมัดระวังบุตรหลานมิให้เข้าสู่กระบวนการค้ามนุษย์ ซึ่งเยาวชนที่เข้าสู่กระบวนดังกล่าวมักมาจากครอบครัวที่แตกแยก หรือมีความยากจนขัดสน หรือไม่มีเวลาดูแลเอาใจใส่ ปล่อยให้เด็กหรือเยาวชนไปเที่ยวหรือพักอาศัยอยู่กับเพื่อนเป็นเวลานานๆ ซึ่งมักจะถูกหลอกลวงชักจูงได้ง่าย ทั้งขอความร่วมมือ โรงแรมและสถานประกอบการ ช่วยเฝ้าระวัง แจ้งเบาะแสแก่เจ้าหน้าที่เมื่อพบเห็นการนำเด็กไปค้าประเวณี" ผบช.ภ.5.กล่าว