ตร.พัทลุงเร่งไล่ล่า "เจมส์กับหมวย" คนร้ายคดีอุ้มฆ่าสาวโยนคลอง ปมค้างเงินค่าแชร์ มั่นใจแยกย้ายกันหลบหนี เผยนำเอาเทคโนโลยีไฮเทคมาติดตามตัว ย้ำดำเนินการใช้ ก.ม.ขั้นเด็ดขาดกับผู้ให้ที่พักพิง 

จากกรณีที่คนร้าย 2 คน อุ้มตัว นางสาวจิราพร เพ็ชรรัตน์ หรือ ก้อย อายุ 28 ปี ชาวบ้าน ต.ชัยบุรี อ.เมืองพัทลุง ขึ้นรถกระบะอีซูซุ ดีแมคซ์ สีขาว ไม่ทราบทะเบียนไปเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2564 ต่อมาเมื่อเวลาประมาณ 20.00 น. วันที่ 2 สิงหาคม 2564 พลเมืองดีได้พบศพ นางสาวจิราพร ซึ่งคนร้ายนำมาทิ้งไว้บริเวณป่าริมคลองชลประทาน บ้านหนองเป็ดน้ำ ท้องที่หมู่ที่ 6 ต.นาโหนด อ.เมืองพัทลุง ต่อมาเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2564 ศาลจังหวัดพัทลุงได้ออกหมายจับ นางสาวยุวเรศ กลศึก หรือ หมวย อายุ 24 ปี และนายสุนันท์ จิตภักดี หรือ เจมส์ อายุ 33 ปี ผู้เป็นสามี ตามความผิดฐาน ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เพื่อปกปิดความผิดอื่นของตน หรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดอื่นที่ตนได้กระทำไว้ฯ 

ต่อมาวานนี้ (10 ส.ค.) พล.ต.ต.วรา เวชชาภินันท์ ผบก.ภจว พัทลุง กล่าวว่า จากการตามสอบเส้นทางการเงิน เพราะเชื่อว่าการหลบหนีมีความจำเป็นต้องใช้เงิน จึงมีการตรวจสอบการโอนเข้า โอนออก จากบัญชีที่เกี่ยวข้องกับทั้งคู่ ปมสังหารยังคงให้น้ำหนักในเรื่องหนี้สินที่มาจากการเล่นแชร์ ระหว่าง หมวยซึ่งเป็นเท้าแชร์ กับผู้เสียชีวิตซึ่งเป็นลูกแชร์ ที่มียอดหนี้จริงอยู่ที่ 21,000 กว่าบาท เบื้องต้นจากการสอบสวนในวันเกิดเหตุพยานระบุว่า มีผู้ร่วมก่อเหตุจำนวน 3 คน แต่ออกหมายจับได้เพียง 2 คน อีกคนพยานไม่ชี้ชัดว่าเป็นผู้ใด ยอมรับว่า จนท.มีความลำบากในการทำงาน เนื่องจากประชาชนไม่มีความเชื่อมั่นในตัวของตำรวจ

...

"ส่วนตัวเชื่อว่า กลุ่มผู้ก่อเหตุไม่ได้มีการวางแผนฆ่าตั้งแต่ต้น แต่อาจจะมีการพลั้งมือจนน้องก้อยเสียชีวิต และเชื่อว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุอาจจะมีเพียง 3 คน หรือมากกว่านั้น พยายามจะทำลายศพ และกลุ่มคนร้ายน่าจะไม่ประสงค์จะนำศพทิ้งยังจุดที่เจอศพ คงเกิดปัญหาอะไรสักอย่าง คนร้ายจึงนำศพมาวางพักไว้ เพื่อรอเคลื่อนย้ายนำไปทำลาย แต่ไม่ทันได้นำไปทำลาย มีคนมาเห็น และแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเสียก่อน ส่วนอาวุธที่ใช้ก่อเหตุ ล่าสุดจากการตรวจสอบวิถีกระสุนและบาดแผล พบว่าไม่ใช่ปืนลูกซอง แต่เป็นปืนชนิดอื่น และจากการตรวจสอบพบสารคัดคลั่งในช่องคลอดของผู้เสียชีวิต แต่ไม่ยังไม่ยืนยันว่าผู้เสียชีวิตถูกข่มขืนหรือไม่ อย่างไร ต้องมีการสอบขยายผลประเด็นดังกล่าวโดยละเอียดอีกครั้ง" ผบก.ภ.จว.พัทลุง กล่าว

ล่าสุดเมื่อวันที่ 11 ส.ค.2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กำลังตำรวจได้แบ่งออกเป็น 2 ฝ่าย ทั้งฝ่ายขยายผลการออกหมายจับไปยังบุคคลที่เกี่ยวข้องในคดีดังกล่าว เนื่องจากการสืบสวนสอบสวนในเบื้องต้นของ กก.ภ.จว.พัทลุง พบว่ากลุ่มผู้ต้องหาในคดีเหยื่อค่าแชร์ต้องมีมากกว่า 3 คน และฝ่ายการติดตามจับกุมของกำลังตำรวจชุดภาค 9 ตร.กองปราบ ชุดสืบสวนของ ภ.จว.พัทลุง และชุดสืบสวนของ สภ.เมืองพัทลุง ซึ่งชุดติดตามจับกุมทั้ง 4 ชุด มั่นใจว่า 2 สามีภรรยาน่าจะแยกย้ายกันหลบหนี และมั่นใจว่านางสาวยุวเรศ น่าจะกบดานซ่อนตัวในบ้านญาติ หรือบ้านเพื่อนแห่งหนึ่งในพื้นที่ จ.พัทลุง ในส่วนของ นายสุนันท์ น่าจะไปซ่อนตัวในพื้นที่รอยต่อระหว่างจังหวัดพัทลุงกับจังหวัดใกล้เคียง กำลังตำรวจทั้ง 4 ชุดก็ได้แยกย้ายกันไล่ล่านายสุนันท์ อย่างต่อเนื่อง หากผู้ต้องหาขัดขืนและยิงต่อสู้ ทาง ตร.ก็จำเป็นที่จะต้องใช้มาตรการขั้นเด็ดขาด ส่วนรถยนต์กระบะที่ใช้ก่อเหตุนั้นน่าจะนำไปซ่อนไว้ในที่ใดที่หนึ่ง คงไม่น่าจะนำมาใช้ในการหลบหนีจนถูก ตร.รวบตัวได้พร้อมรถกระบะคันดังกล่าว

พล.ต.ต.วรา เวชชาภินันท์ ผบก.ภ.จว.พัทลุง กล่าวว่า การติดตามผู้ต้องหา 2 สามีภรรยาในครั้งนี้มีการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ และทางด้านเครือข่ายเข้ามาร่วมด้วย ตร.คงไม่ปล่อยให้ 2 ผู้ต้องหาหนีลอยนวลโดยเด็ดขาด เนื่องจากคดีดังกล่าวนี้เป็นคดีที่สะเทือนขวัญและเป็นที่สนใจต่อประชาชน ผู้ก่อเหตุมีจิตใจโหดร้ายผิดมนุษย์ แค่เงินค่าแชร์หลักหมื่นยังฆ่ากันได้ลงคอ ในส่วนของผู้ที่ให้ที่พักพิงต่อผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ก็จะมีความผิดตามกฎหมายด้วยเช่นกัน หากมีการจับกุมตัว 2 ผู้ต้องหาในคดีดังกล่าวได้ที่ไหน เจ้าของบ้านที่ให้ที่พักพิงและอยู่อาศัยจะถูกนำตัวมาดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด

ผบก.ภ.จว.พัทลุง กล่าวด้วยว่า คดีนี้ทางตำรวจจะไม่มีการประสานงานให้ผู้หนึ่งรายใดนำตัวผู้ต้องหามามอบตัวกับตำรวจ เพราะมิใช่เป็นหน้าที่ของตำรวจ หากจะเข้ามามอบตัวก็ไม่มีการเจรจาต่อรองเช่นกัน นอกจากนั้นตนได้สั่งการให้ ตร.ตามโรงพักต่างๆ ที่นายสุนันท์เคยก่อคดีไว้มารื้อฟื้นคดีใหม่อีกด้วย ส่วนกระแสข่าวที่ว่า นายสุนันท์ หนีไปอยู่ภายใต้การดูแลของนักการเมืองท้องถิ่นรายหนึ่งนั้น ตนยังไม่ทราบ ให้ตำรวจจับกุมตัวได้ก่อนแล้วจึงมาพูดคุยกัน.

...