รองต่อ สันธนะ นำสมุนมอบตัวตำรวจคดีอุ้มเรียกค่าไถ่นักธุรกิจไต้หวัน พร้อมเปิดแถลงข่าวจ่อฟ้องกลับเจ้าหน้าที่ผู้เสียหายทุกคนในคดีตลาดใหม่ดอนเมือง ภายหลังศาลยกฟ้อง

กรณี นายสันธนะ ประยูรรัตน์ (รองต่อ) อดีตรองผู้กำกับการตำรวจสันติบาล พร้อมพวก รวม 7 คน ถูกตำรวจสน.ทองหล่อ ออกหมายจับคดีร่วมกับชาวต่างชาติและคนไทยอีกหลายคนที่ถูกจับไปแล้วอุ้มเรียกค่าไถ่เกือบ 100 ล้านบาท นายเวน ยู ชุง นักธุรกิจชาวไต้หวัน จำหน่ายถุงมือยางทางการแพทย์ ต่อมาวันที่ 3 ส.ค.ที่ผ่านมา นายสันธนะ ที่อยู่ระหว่างการกักตัวเพิ่งหายจากติดโควิด พร้อมลูกน้องอีก 4 คน เข้ามอบตัวที่ สน.ทองหล่อ ผู้ต้องหาทั้งหมดให้การปฏิเสธ และได้ประกันตัวไปในชั้นสอบสวนทุกคน ส่วนผู้ต้องหาที่เหลือ 2 คน 1 คนหลบหนีติดต่อไม่ได้ และอีก 1 คน ป่วยอยู่ระหว่างรักษาโรคโควิด เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการติดตามตัวมาดำเนินคดี

ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2564 นายสันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตรองผู้กำกับการตำรวจสันติบาล นำนายจำเริญ สีจันทร์ อายุ 67 ปี ผู้ต้องหาคดีดังกล่าว เข้ามอบตัวกับ พ.ต.ท.ศุภชัย หาญคำหล้า รอง ผกก.(สอบสวน) สน.ทองหล่อ ตามหมายจับของศาลอาญากรุงเทพใต้ จ.363/2564 ลงวันที่ 2 ส.ค. 64 ข้อหาร่วมกันเป็นอั้งยี่, ซ่องโจร, ข่มขืนใจผู้อื่น ให้กระทำการ ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สิน ของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเอง หรือผู้อื่น หรือโดยใช้กำลังประทุษร้าย จนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้น หรือจำยอมต่อสิ่งนั้น โดยมีอาวุธ ร่วมกระทำความผิดตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป โดยอ้างอำนาจ อั้งยี่ หรือ ซ่องโจร ไม่ว่าอั้งยี่หรือซ่องโจรนั้นจะมีอยู่หรือไม่, หน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใด ให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพและร่างกาย"

...

ภายหลังเข้าพบพนักงานสอบสวน นายสันธนะเปิดเผยว่า นายจำเริญให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาที่เจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งไว้ และใช้เงินประกันตัวออกมา มูลค่า 5 หมื่นบาท ตำรวจได้อนุญาตให้ประกันตัวในชั้นพนักงานสอบสวน ส่วน นายสมจิน รัตนโชติพานิช อายุ 53 ปี ผู้ต้องที่เหลืออีก 1 คน กำลังรักษาตัวจากอาการป่วย โควิด-19 ที่ โรงแรมจอมเทียน พัทยาบีช จ.ชลบุรี ซึ่งเปิดรับผู้ป่วยเป็นฮอสพิเทล จะนำมามอบตัวที่ สน.ภายหลัง
 
นายสันธนะ เปิดเผยอีกว่า คดีตลาดใหม่ดอนเมือง กรณีศาลอาญาได้ออกใบสำคัญคดีถึงที่สุด คดีอาญาหมายเลขดำที่ อ.1951/2561 หมายเลขแดงที่ อ.3381/2561 ของศาลอาญา ระหว่าง พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการสูงสุด โจทก์ พ.ต.ท.สันธนะ หรือ รองต่อ ประยูรรัตน์ ที่ 1 กับพวกรวม 11 คน จำเลย เรื่อง ซ่องโจร กรรโชกทรัพย์ บัดนี้คดีถึงที่สุดแล้วรับรองสำเนาถูกต้อง ลงวันที่ 6 สิงหาคม 2564 โดยตนจะดำเนินคดีอาญากับบุคคลซึ่งเป็นผู้เสียหายของคดี 19 คน และเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้เกี่ยวข้องทุกระดับ รวมทั้งนายพลใหญ่และนายพลเล็ก รวมถึงพนักงานเจ้าหน้าที่ของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินที่เกี่ยวข้องกับคดีอีกด้วย ทั้งนี้จะมีการแจ้งความกลับดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป จะมีการนัดวันเวลาและสถานที่อีกครั้ง

จากนั้น นายสันธนะ ได้ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนบางช่วงบางตอนว่า ทุกวันนี้อยากขอโอกาสจากสื่อและทุกคน รวมถึงอยากแสดงความมั่นใจว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น สำหรับตนไม่ได้กระทบอะไรก็ยังคงเดินหน้าสู้เพื่อความจริงต่อไป โดยยอมรับว่ามีปัญหากับบรรดาทหารใหญ่หรือผู้ใหญ่ในประเทศ มีบางคนซึ่งไม่พอใจตนในเรื่องที่ตนไม่ไปสนับสนุนกับบุคคลเหล่านั้นในทางการเมืองเลย อีกประเด็นหนึ่งคือในเรื่องของผลประโยชน์อื่น ซึ่งตนได้บอกแล้วว่าชีวิตตนต่อสู้ทำมาหากินที่ได้มาโดยสุจริตไม่เคยโกงใคร ตามที่เคยบอกไปว่า "พี่มันสายโกง ผมมันสายเปย์" ขณะเดียวกันได้พูดทิ้งท้ายว่า กระสุนที่มันผ่านหัวไปแล้วมันมีความรู้สึกแล้วจะให้เกิดขึ้นอีกไหมกับชีวิตตน ไม่ว่าอะไรก็ตามไม่เคยท้อแท้หมดกำลังใจยืนยันที่จะสู้ และไม่ได้ต้องการมาหาประโยชน์จากใคร เพียงต้องการแค่สู้ให้ gen ต่อๆ ไปและอยากให้ทุกคนมาร่วมกันสู้ สู้กับความอยุติธรรม เพื่อให้สังคมบ้านเมืองไม่ถูกกระทำเหมือนอย่างที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้าหน้าที่รัฐบางคนที่คอยรับคำสั่งการทางวาจาจากผู้มีอำนาจ