ตำรวจชุดสืบสวน ภ.5 และภูธร จ.เชียงใหม่ เค้นสอบหนุ่มโชเฟอร์รถตู้ปมฆ่าเศรษฐินีวัย 70 หมกป่าริมถนน คาดปมสังหารมาจากหวังทรัพย์สินผู้ตาย ไม่ใช่ปมชู้สาวตามที่คนร้ายให้การและลงมือคนเดียว

กรณี นายนวฤทธิ์ วณิชจินดา อายุ  37 ปี คนร้ายที่ก่อเหตุฆ่านางสาวผ่องศรี มธุรณานนท์  อายุ 70 ปี เศรษฐินี ชาวกรุงเทพมหานคร โดยใช้มีดปอกผลไม้ปาดคอ และแทงที่ท้อง จนเสียชีวิต ก่อนนำศพทิ้งในป่าริมถนนแม่ออน-แม่ตะไคร้ ถนนหมายเลข 1230  ระหว่างหลักกิโลเมตร ที่ 19-20  เส้นทางไปยังแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังบ้านแม่กำปอง ตำบลสหกรณ์ อำเภอแม่ออน จังหวัดเชียงใหม่ เหตุเกิดเมื่อเวลา 21.00 น.ของวันที่ 11 ก.ค.ที่ผ่านมา ก่อนจะหลบหนีไปกบดานที่บ้านในอำเภอเมือง จ.เชียงราย กระทั่งถูก ตร.ชุดสืบสวน จับกุมตัวได้เมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (16 ก.ค.) และนำตัวมาสอบปากคำ  ก่อนที่ผู้ต้องหาจะเปิดปากรับสารภาพว่า ลงมือฆ่านางสาวผ่องศรีจริง ชุดสืบสวนจึงนำตัวไปชี้จุดทิ้งศพ ซึ่งถูกทิ้งอยู่ในป่าข้างทางสภาพศพของผู้เสียชีวิต สวมเสื้อยืดสีเทาดำ กางเกงใน นอนหงาย ร่างกายเริ่มเน่าเปื่อย เนื้อบางส่วนเริ่มหลุด   มีรอยบาดแผลถูกมีดบาดที่ลำคอจนเกือบขาด และบาดแผลถูกแทงตามลำตัวหลายแห่ง

...

ความคืบหน้า เมื่อช่วงเช้าวันที่ 17 ก.ค.2564 ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองเชียงใหม่ ได้นำตัวนายนวฤทธิ์ วณิชจินดา มาสอบปากคำเพิ่มเติมอีกครั้ง โดยนายนวฤทธิ์ ให้การว่า สาเหตุที่ลงมือฆ่าเพราะอารมณ์ชั่ววูบ จากปัญหาเรื่องส่วนตัวที่เคลียร์กันไม่ลงตัว อารมณ์ชั่ววูบจึงพาไป โดยก่อนลงมือได้มีการโต้เถียงและด่าทอกันรุนแรงไปมา ตอนนี้อยากขอโทษญาติของผู้ตายที่ก่อเหตุไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบ ส่วนเหตุการณ์ครั้งนี้ลงมือทำเพียงคนเดียวไม่มีบุคคลอื่นร่วมด้วย

ด้าน พ.ต.ท.มนัสชัย อินทร์เถื่อน รองผู้กำกับการ สืบสวน สภ.เมืองเชียงใหม่ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม หลานสาว อายุ 38 ปี หลานสาวของนางสาวผ่องศรี เดินทางมาแจ้งความว่าป้าของตนเองหายไป ไม่กลับมาที่พักคอนโดมิเนียม ย่านถนนช้างคลาน อำเภอเมืองเชียงใหม่ หลังมีรถตู้สีขาวมารับไปทำบุญเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม จึงสั่งการให้ชุดสืบสวน ลงพื้นที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิด ตามจุดต่างๆ กระทั่งทราบว่าผู้ต้องสงสัย คือ ชายขับรถตู้ ชื่อ นายนวฤทธิ์ วนิชจินดา จึงประสานตำรวจที่จังหวัดเชียงรายเข้าล็อกตัว ก่อนเดินทางไปรับตัวมาสอบสวนที่ สภ.เมืองเชียงใหม่ โดยใช้เวลาสอบปากคำนานหลายชั่วโมง จนสุดท้ายนายนวฤทธิ์ จึงยอมเปิดปากรับสารภาพ ว่าเป็นคนลงมือฆ่านางสาวผ่องศรีจริง เพราะจำนนต่อหลักฐาน จากนั้นตำรวจพิสูจน์หลักฐานจึงนำรถตู้ไปตรวจสอบและเก็บหลักฐาน และนำตัวนายนวฤทธิ์ไปชี้จุดที่ทิ้งศพ และทำแผนประกอบคำรับสารภาพ โดยสภาพศพของผู้เสียชีวิต สวมเสื้อยืดสีเทาดำ กางเกงใน นอนหงาย ร่างกายเริ่มเน่าเปื่อย เนื้อบางส่วนเริ่มหลุด มีรอยบาดแผลถูกมีดบาดที่ลำคอ และแทงตามลำตัวหลายแห่ง

รอง ผกก.สส.สภ.เมืองเชียงใหม่ กล่าวว่า นายนวฤทธิ์ ยังไม่ยอมให้การในบางประเด็น โดยเฉพาะเรื่องความสัมพันธ์กับผู้ตาย และสาเหตุที่ลงมือฆ่า โดยผู้ตายนั้นเป็นคนค่อนข้างมีฐานะ ตำรวจจะสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง แต่ได้ตั้งประเด็นไว้ ทั้งเรื่องชู้สาว ชิงทรัพย์ อย่างไรก็ตามในเบื้องต้นตำรวจได้ตั้งข้อหา "ฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา และข้อหาปิดบังอำพรางซ่อนเร้นศพ จากนั้นได้ประสานไปยัง สภ.แม่ออน ซึ่งเป็นท้องที่เกิดเหตุและพบศพ มารับตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ล่าสุด เมื่อช่วงบ่าย วันเดียวกัน พ.ต.อ.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย รองผู้บังคับการสืบสวน กองบังคับการสืบสวนสอบสวน  ตำรวจภูธรภาค 5 ได้เดินทางมาสอบปากคำนายนวฤทธิ์ ที่ สภ.เมืองเชียงใหม่อีกครั้ง   หลังผู้ต้องหายังให้การวกวน  อ้างว่า มีความสัมพันธ์กับผู้ตาย แต่กลัวภรรยาจับได้จึงพยายามตีตัวออกห่าง แต่ผู้ตายโทรศัพท์มาตามตื๊อ จึงตั้งใจจะเคลียร์ปัญหา แต่ด้วยอารมณ์ชั่ววูบจึงพลั้งมือฆ่าผู้ตาย โดยการสอบปากคำใช้เวลานานประมาณ 1 ชั่วโมง

...

พ.ต.อ.ธวัชชัย กล่าวว่า จากการสอบปากคำผู้ต้องหา มีมูลเหตุมาจาก 2 เรื่อง โดยเรื่องแรกเป็นคำกล่าวอ้างของผู้ต้องหา ที่ระบุว่า สนิทสนมกับผู้ตายมานานกว่า 5 ปี แต่ภายหลังต้องการจะตีจาก จนผู้ตายโทรศัพท์หาบ่อยครั้งทำให้ครอบครัวมีปัญหา แต่จากการซักถามของทีมสืบสวน เชื่อว่าเหตุผลที่แท้จริงเพราะผู้ต้องหาประสงค์ต่อทรัพย์ของผู้ตาย ซึ่งเป็นของมีฐานะระดับเศรษฐี แต่ไม่มีครอบครัว โดยหลังก่อเหตุฆาตกรรมนางสาวผ่องศรีแล้ว ผู้ต้องหาได้เดินทางมายังคอนโดมิเนียมที่พักของนางสาวผ่องศรี ย่านถนนช้างคลาน ตำบลช้างคลาน อำเภอเมืองเชียงใหม่ เพื่อรื้อค้นทรัพย์สิน นำตู้เซฟไปแต่อ้างว่าภายในไม่มีทรัพย์จึงนำไปโยนทิ้งในอ้างน้ำ ซึ่งตำรวจไปงมหาตู้เซฟมาได้แล้ว แต่ยังเปิดไม่ได้ จะต้องตรวจสอบเพิ่มเติมอีกครั้งว่ามีทรัพย์สินของผู้ตายสูญหายหรือไม่

รอง ผบก.สส.ภ.5 กล่าวว่า เบื้องต้นคาดว่านายนวฤทธิ์ จะลงมือก่อเหตุเพียงคนเดียวไม่มีผู้ร่วมก่อเหตุด้วย แต่จะขอตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติมอีกครั้ง ซึ่งคดีนี้เทียบเคียงได้กับคดีฆาตกรรมเศรษฐินียัดตู้เย็น ทิ้งศพไว้ในบ้านพัก ในพื้นที่อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อปีก่อน โดยผู้ก่อเหตุเป็นคนใกล้ชิดที่ขับรถให้กับเศรษฐินีจนเกิดความไว้เนื้อเชื่อใจ แต่สุดท้ายก็ฆ่าเศรษฐินีเพราะประสงค์ต่อทรัพย์สิน ซึ่งตำรวจเชื่อว่านายนวฤทธิ์น่าจะมีปัญหาทางทางการเงิน แต่ยังไม่ยอมบอกว่าเรื่องอะไร จึงลงมือฆ่านางสาวผ่องศรี และหลังก่อเหตุก็ไปค้นหาทรัพย์สินภายในห้องพักของผู้ตาย

...

ล่าสุดมีรายงานว่า ตำรวจได้ไปตรวจสอบที่ห้องพักของนางสาวผ่องศรี ผู้ตาย ภายในคอนโดมิเนียม ย่านถนนช้างคลาน ตำบลช้างคลาน อำเภอเมืองเชียงใหม่ เพื่อตรวจสอบว่ามีทรัพย์สินสูญหายหรือไม่ เบื้องต้นพบสมุดบัญชีเงินฝากหลายสิบเล่ม มีเงินฝากอยู่หลายล้านบาท ซึ่งจะตรวจสอบรายละเอียดอีกครั้งว่า มีการถอนเงินออกจากบัญชีไปหรือไม่หลังเกิดเหตุฆาตกรรม.