ประสบการณ์ร้อน รอง ผกก.ป.โรงพักโกสุมพิสัย จ.มหาสารคาม ใช้ Taser Gun หรือปืนช็อตไฟฟ้า หยุดยั้งคนร้ายเป็นชายคลุ้มคลั่งจากอาการเมายาเสพติด ใช้เคียวเกี่ยวข้าวเป็นอาวุธ พุ่งเข้าชาร์จเจ้าหน้าที่
เมื่อช่วงค่ำ วันที่ 25 มิ.ย.2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.ท.ชัชชัย ไหมวันทา รอง ผกก.ป.สภ.โกสุมพิสัย จ.มหาสารคาม (นรต.56) ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ชื่อ "Pol Nat" บอกเล่าประสบการณ์ร้อนซึ่งเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา หลังใช้ Taser Gun หรือปืนช็อตไฟฟ้า หยุดยั้งคนร้ายชายคลุ้มคลั่งจากอาการเมายาเสพติด ก่อเหตุเผายุ้งข้าว และทำลายทรัพย์สิน ในบ้านตนเองก่อนพยายามใช้เคียวเกี่ยวข้าวเป็นอาวุธพุ่งเข้าชาร์จเจ้าหน้าที่ตำรวจ ขณะกำลังเจรจา จนสามารถจับกุมตัวได้ โดยไม่มีใครต้องได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต
ซึ่งเหตุการณ์นี้ พ.ต.ท.ชัชชัย ได้บอกเล่าเหตุการณ์ไว้อย่างละเอียดและน่าตื่นเต้น ตั้งแต่ช่วงเช้ามืดหลังรับแจ้งว่า ชายดังกล่าว เริ่มเผายุ้งข้าวในบ้านตนเองจนมอดไปทั้งหลัง จากนั้นขึ้นไปทำลายข้าวของบนบ้านชั้นที่ 2 เหตุการณ์เกิดขึ้นขณะที่กำลังตำรวจกว่าครึ่งโรงพัก ต้องไปฉีดวัคซีนโควิด-19 การขอสนับสนุนกำลังเจ้าหน้าที่อาสาสมัครได้รับการปฏิเสธ เนื่องจากอาสาฯ ยังไม่ถึงเวลาเข้าเวร และการประสานขอยานอนหลับจากหน่วยงานสาธารณสุข ในพื้นที่ไม่ประสบผลสำเร็จ มีเพียงผู้ใหญ่บ้านซึ่งเป็นผู้หญิง ชาวบ้านไม่กี่คน และตำรวจ 3-4 นาย เท่านั้นที่คอยช่วยกันบริหารสถานการณ์ ขณะที่คนร้ายได้ปาข้าวของจากบนบ้านลงมาใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ตลอดเวลา
ซึ่งท้ายที่สุด กว่าที่ฝ่ายป้องกันปราบปราม ฝ่ายสืบสวน และพนักงานสอบสวนจะทยอยกันกลับจากฉีดวัคซีนมารวมตัวกันได้ ก็กินเวลานาน กระทั่งมีการวางแผนส่งตำรวจเข้าเจรจา แต่คนร้ายกลับแสดงอาการคลุ้มคลั่ง ด้วยการถือเคียวเข้าชาร์จเจ้าหน้าที่ ทำให้ พ.ต.ท.ชัชชัย ต้องตัดสินใจใช้ Taser Gun ยิงใส่ในระยะ 7 เมตร ส่งผลให้คนร้ายล้มลง แต่ยังไม่หยุดความระห่ำ ต้องเพิ่มระยะเวลาดันไฟฟ้าใส่คนร้ายอีกหลายครั้ง จึงสงบและถูกจับกุมได้โดยไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ
...
สำหรับการใช้ปืนช็อตไฟฟ้ายุติความคลุ้มคลั่งของตำรวจไทย ที่ใช้สยบความคลั่งของผู้ต้องหารายนี้ ถือเป็นประโยชน์ที่เห็นอย่างเป็นรูปธรรมคดีแรกนับจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติสั่งซื้อ Taser Gun มาแจกจ่ายให้ตำรวจ 1,483 โรงพักทั่วประเทศ ตั้งแต่ช่วงปลายปี 2563 โดย พ.ต.ท.ชัชชัย ผู้โพสต์ ยังได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของ "หนังสือบันทึกการให้ความยินยอมของญาติในการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจระงับเหตุ" ที่ตนเองร่างขึ้นเอง เหมือนเป็นข้อตกลงกับญาติว่า ตำรวจจะดำเนินการตามหลักสากลเริ่มจากสถานเบาไปสถานหนัก ต่อผู้ต้องหา ซึ่งคดีนี้ทางบิดาของผู้ต้องหาก็ลงชื่อรับทราบ และยินยอมให้ตำรวจดำเนินการ เนื่องจากเหนือความควบคุมของญาติพี่น้อง และหากปล่อยไว้จะเป็นอันตรายต่อผู้บริสุทธิ์ได้ในที่สุด.