กรมราชทัณฑ์ ชี้แจงหนุ่มวัย 22 เสียชีวิตปริศนาในเรือนจำจังหวัดตรัง มาจากหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน ตรวจไม่พบความผิดปกติ หรือร่องรอยการถูกทำร้าย ขณะที่แม่จี้ตำรวจชุดจับกุมช่วยพูดความเป็นจริง เรื่องจับปืน เชื่อลูกชายบริสุทธิ์ ตอนนั้นเป็นเด็ก 19 ไม่มีทางครอบครองเอ็ม 16 ลั่นเป็นละครที่ตำรวจสร้างขึ้น
จากกรณีมีชาวบ้าน จ.ตรัง เข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรมต่อสื่อมวลชน เกี่ยวกับกรณีที่ นายกฤษดา มลยง หรือหมอก อายุ 22 ปี หลานชาย ซึ่งเป็นผู้ต้องหาคดี พ.ร.บ.อาวุธปืน ได้เสียชีวิตลงอย่างปริศนาภายในเรือนจำ จ.ตรัง เมื่อวันที่ 18 มิ.ย.ที่ผ่านมา จนทำให้เกิดความคลางแคลงใจในสาเหตุของการเสียชีวิต รวมทั้งติดใจในพฤติการณ์ในการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม ตามที่มีการนำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
ต่อมา ผู้สื่อข่าวได้พูดคุยกับ นางวันนา รัตนะ อายุ 41 ปี แม่ของผู้เสียชีวิต กล่าวว่า นิสัยของหมอกไม่เคยก้าวร้าว ไม่ค่อยออกไปไหน อยู่แต่ในชุมชน และเล่นกีฬาในหมู่บ้าน เป็นคนแข็งแรง ยืนยันว่าไม่เคยมีอาวุธปืน ไม่สามารถนำปืนมาครอบครองไว้ได้ ปืนมาจากไหนตนสงสัยในตรงนี้ เด็กอายุเพียงแค่ 19 ปี ในขณะนั้น คงไม่สามารถนำอาวุธปืนสงคราม เอ็ม 16 มาครอบครองได้ ตนยืนยันว่าลูกชายบริสุทธิ์ ในเรื่องอาวุธปืนอย่างแน่นอน แต่ยอมรับว่าในวันเกิดเหตุลูกมีฉี่ม่วงจริง โดยให้ลูกไปรับการลงโทษตามกฎหมายแล้ว ซึ่งตนก็รู้ว่าลูกมีการเสพยาเสพติดจริง แต่ตนและบรรดาญาติๆ พยายามช่วยเหลือให้หลุดพ้นมาจากจุดนั้น ตำรวจจัดฉากมาได้อย่างไร หลังจากถูกจับกุม แม่ก็ช่วยเหลือมาตลอด เพราะเชื่อว่าลูกบริสุทธิ์ บรรดาญาติๆ น้า ๆ ก็ช่วยมาตลอด ถึงขั้นต้องขายไม้ยางพารา เพื่อยื่นประกันลูก เพราะรู้ว่าลูกไม่ได้ผิดในเรื่องปืน ตนรู้สึกเสียใจมาก ไม่มีหน่วยงานไหนเข้ามาตรวจสอบเลย
...
นางวันนา กล่าวอีกว่า อยากให้ช่วยหาความเป็นธรรม และให้ตำรวจมาชี้แจงให้ได้ ที่เป็นสาเหตุให้ลูกได้โดนตัดสินเข้าไปอยู่ในเรือนจำจนถึงขั้นเสียชีวิต ตนก็ไม่ได้จะโทษหน่วยงานไหนที่ทำให้ลูกเสียชีวิต ไม่ได้โทษกรมราชทัณฑ์ เพราะผลการตรวจสาเหตุยังไม่มีบทสรุป แต่เหตุผลจากกรมราชทัณฑ์กับผลแพทย์ย้อนแย้งกัน โดยเบื้องต้นในวันเกิดเหตุ แจ้งว่ามีอาการอาเจียน และสำลักอาหารก่อนจะสิ้นใจ แต่ปรากฏว่าผลการตรวจของแพทย์ ม.อ.สงขลานครินทร์ กลับไม่พบอาหารใดๆ อยู่ในหลอดอาหารเลย สิ่งที่อยากเรียกร้องคือ ทางกรมราชทัณฑ์ต้องออกมาชี้แจงให้ได้และชัดเจน และทางตำรวจชุดจับกุมต้องออกมาพูดความเป็นจริง อย่าให้เด็กคนหนึ่งต้องตายไปโดยความสบายใจของคนอื่นที่ได้ผลงานการจับไป และเชื่อแน่ว่าการถูกจับครั้งนี้เป็นละครที่ตำรวจสร้างขึ้น
ขณะที่ นางประไพศรี ณ พัทลุง อายุ 47 ปี แม่เพื่อนผู้ตาย กล่าวว่า ตนรู้จักน้องหมอก ผู้เสียชีวิตมาประมาณ 2 ปี หมอกเป็นคนนิสัยดีเรียบร้อย ไม่ก้าวร้าว ตนไม่รู้ว่าหมอกมีเรื่องเกี่ยวกับคดี ไม่คิดว่าหมอกจะมีส่วนเกี่ยวข้องเรื่องปืน ตนคอยสอนตลอดอย่าไปยุ่งเกี่ยวเรื่องไม่ดี หรือเรื่องยาเสพติด เพราะหมอกเป็นเพื่อนของลูกสาวตนก็คอยสอนตลอด ช่วง 2 ปี ก็จะมาที่บ้าน นั่งเล่นกัน ทำอาหารกินกับลูกสาวกัน ตนก็หวังดีกับน้องหมอกตลอด ตนก็รักเหมือนลูกอีกคน เชื่อว่าหมอกเป็นผู้บริสุทธิ์ เท่าที่รู้เขาไม่เคยยุ่งเกี่ยวเรื่องแบบนั้น เพื่อนเขาหลายคนก็เป็นเด็กเรียน
ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2564 นายธวัชชัย ชัยวัฒน์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ในฐานะโฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยถึงกรณีที่สื่อมวลชนได้นำเสนอข่าวเกี่ยวกับ การเสียชีวิตของนายกฤษดา มลยง หรือหมอก อายุ 22 ปี เสียชีวิตระหว่างถูกควบคุมตัวอยู่ที่เรือนจำจังหวัดตรัง ซึ่งญาติของผู้เสียชีวิตได้เข้าร้องเรียน เพื่อขอความเป็นธรรม ว่า
กรมราชทัณฑ์ ขอเรียนชี้แจงข้อเท็จจริงว่า เรือนจำจังหวัดตรัง ได้รับตัว น.ช.กฤษดา มลยง ความผิดฐาน พ.ร.บ.อาวุธปืน กำหนดโทษ 1 ปี 11 เดือน ตั้งแต่เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2564 โดยก่อนหน้าการเสียชีวิต น.ช.กฤษดา มีอาการขาอ่อนแรง ซึ่งทางสถานพยาบาลได้ตรวจอาการ และนำตัวออกพบแพทย์ภายนอกเรือนจำ ตั้งแต่วันที่ 11 มีนาคม 2564 โดยแพทย์ได้จัดยา พร้อมวิตามินให้รับประทาน ดูแลรักษามาอย่างต่อเนื่อง และมีอาการดีขึ้นตามลำดับ แต่ต่อมาในวันที่ 18 มิถุนายน 2564 เวลา 13.05 นาฬิกา น.ช.กฤษดา ได้มีอาการชักเกร็ง อาเจียน ทางเรือนจำฯ จึงได้แจ้งประสานกับโรงพยาบาลภายนอกฉุกเฉิน (1669) มารับตัวเมื่อเวลา 13.15 น. ส่งโรงพยาบาลจังหวัดตรังอย่างเร่งด่วน เพื่อดำเนินการรักษาและช่วยชีวิต
แต่ต่อมา น.ช.กฤษดาได้เสียชีวิตลง โดยแพทย์ของโรงพยาบาลได้แจ้งสาเหตุของการเสียชีวิต เมื่อเวลา 14.00 น. คือ หัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน ซึ่งผลการตรวจไม่พบความผิดปกติ หรือร่องรอยการถูกทำร้ายร่างกาย แต่อย่างใด เบื้องต้นญาติมีความประสงค์ขอให้ดำเนินการชันสูตรศพอีกครั้ง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่าง การดำเนินการ และรอผลการชันสูตรต่อไป
นายธวัชชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า กรณีดังกล่าว ทางเรือนจำฯ ได้ดำเนินการเพื่อช่วยเหลือชีวิต น.ช.กฤษดา อย่างเต็มกำลังความสามารถ และมิได้ดำเนินการล่าช้าแต่อย่างใด กรมราชทัณฑ์ ขอแสดงความเสียใจกับญาติผู้เสียชีวิตเป็นอย่างยิ่ง โดยทางกรมราชทัณฑ์ ยังคงมีนโยบายควบคุมดูแลผู้ต้องขังทุกคนอย่างเสมอภาค และเท่าเทียมกัน โดยเฉพาะด้านการเข้าถึงทางการแพทย์ ตลอดจนการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังตามหลักสิทธิมนุษยชนอย่างเคร่งครัด