"วิสนุ ปราสาททองโอสถ" จตช. เร่งดำเนินการภายใน 30 วัน หลัง ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิด อดีต ผกก.สภ.ทุ่งสง ฐานทุจริตเงิน เบี้ยเลี้ยงงบ โควิด-19 ของโรงพัก
ตามที่ปรากฏข่าว คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีมติมอบหมายคณะผู้ไต่สวนเบื้องต้น เพื่อดำเนินการไต่สวนเบื้องต้นกับ พ.ต.อ.สมพงศ์ ทิพย์อาภากุล รอง ผบก.กคม.บช.ภ.8 เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง ผกก.สภ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช มีความผิดฐานทุจริตเงินจัดสรรค่าตอบแทน หรือค่าเบี้ยเลี้ยงงบโควิด-19 ของ สภ.ทุ่งสง ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย ป.ป.ช.มาตรา 172 ร้องชี้มูลความผิดวินัยอย่างร้ายแรง ส่งเรื่องไปยังอัยการสูงสุดเพื่อดำเนินคดีในศาลตามเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดี พร้อมทั้งส่งรายงานไปยังผู้บังคับบัญชา หรือผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอนเพื่อดำเนินการตามมาตรา 91 ของกฎหมาย พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2564 พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ จตช.กล่าวว่า กรณีการตรวจสอบการทุจริตเรื่องเบี้ยเลี้ยงโควิด-19 เป็นกรณีที่ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.ได้สั่งการให้ จเรตำรวจ เร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงทันทีที่ปรากฏว่ามีการร้องเรียน ตั้งแต่ช่วง ตุลาคม 2563 โดยมีการตรวจสอบ จนนำไปสู่การดำเนินการตั้งกรรมการทางวินัยไปแล้ว 10 บช. โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการสืบสวนข้อเท็จจริง และสอบสวนทางวินัย รวมแล้วกว่า 200 นาย
ซึ่งในส่วนของ พ.ต.อ.สมพงศ์ ทิพย์อาภากุล เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง ผกก.สภ.ทุ่งสง ทางจเรตำรวจได้ลงพื้นที่ ตรวจสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้น พบว่ามีมูลว่ากระทำผิดจริง จึงส่งข้อมูลให้ ผบช.ภ.8 ในฐานะผู้บังคับบัญชาต้นสังกัด ตั้งกรรมการสืบสวนทางวินัย โดยคณะกรรมการมีความเห็นว่า มีมูลความผิดจริง และผบช.ภ. 8 ได้พิจารณาลงทัณฑ์เบื้องต้น ให้รับโทษโดยการตัดเงินเดือน และกักยาม 3 วัน ในขณะเดียวกัน ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้มีการประสานส่งข้อมูลผลการตรวจสอบ และรายงานผลให้ ป.ป.ช. และ สตง.ทราบด้วย
...
ซึ่งการดำเนินการหลังจาก ป.ป.ช.พิจารณามีมติดังกล่าวแล้ว ทาง ป.ป.ช.จะส่งเรื่องให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการในอำนาจ ก็จะมีการดำเนินการพิจารณาโทษทางวินัยร้ายแรง ตามฐานความผิดที่ ป.ป.ช.ชี้มูลมาดังกล่าวต่อไป โดยจะเร่งดำเนินการภายใน 30 วัน
พล.ต.อ.วิสนุ กล่าวต่อว่า พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.มีความห่วงใยในการติดตามการดำเนินการในเรื่องดังกล่าว โดยได้สั่งการตั้งแต่เดือน พ.ค. ที่ผ่านมา มอบหมายให้ จตช.ติดตามผลการดำเนินการทางวินัยกรณีเรื่องร้องเรียนที่สังคมที่ให้ความสนใจ เพื่อสนองนโยบายปราบปรามการทุจริตของทางรัฐบาลที่กำหนดเป็นวาระแห่งชาติ ซึ่ง จตช.ได้มีการเร่งรัด ผู้บัญชาการตำรวจทุกหน่วย รวมถึง กองวินัย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่มีหน้าที่ และอำนาจในการพิจารณาผลการสืบสวน และสอบสวนทางวินัยข้าราชการตำรวจที่เกี่ยวข้อง ให้เร่งดำเนินการในกรอบเวลาที่กำหนดไม่ให้เกิดความล่าช้า และให้ปรากฏผลที่เกิดความเป็นธรรม ยึดข้อเท็จจริงตามระเบียบกฎหมาย และต้องสามารถตอบคำถามสังคมให้เป็นที่ยอมรับได้ ซึ่งจะมีการเร่งรัดติดตามผลอย่างต่อเนื่องต่อไป.
ที่มาภาพบางส่วน: กรมประชาสัมพันธ์