• กลลวงแอปฯ สินเชื่อเงินกู้สัญชาติจีน คลิกเดียว ได้ข้อมูลส่วนบุคคลไปเป็นตัวประกัน ใช้ประจาน ข่มขู่คุกคาม ลามไปถึงบุคคลที่สาม
  • ประสบการณ์ตรง ผู้เสียหาย จ่ายไม่จบ แถมถูกประจานข้อมูลส่วนบุคคล ก้มหน้ายอมรับความอับอาย ตั้งสติ ดำเนินคดี
  • แอดมินเพจ Anti หมวกกันน็อค Online ช่วยเหลือเหยื่อกว่า 4 พันคน ยอมรับรูปแบบแก๊งสินเชื่อเหล่านี้ พัฒนาไปไกล ล่าสุดก๊อบปี้โทรศัพท์ ดักฟัง แอบถ่ายผู้เสียหายแบบไม่รู้ตัว


ต้องยอมรับว่า การกู้นอกระบบ ยังคงเป็นทางออกสำหรับใครหลายคนที่ขาดสภาพคล่องทางการเงิน และไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อในระบบของสถาบันการเงินที่ถูกกฎหมายได้

ซึ่งนอกจากแก๊งเงินกู้คนไทย ที่ปล่อยกู้ดอกโหด ทวงหนี้กันถึงหน้าบ้าน ตามที่ปรากฏเป็นข่าวรายวันแล้ว ตอนนี้ดูเหมือนว่า จะมีการให้กู้นอกระบบรูปแบบแปลกๆ เกิดขึ้นมามากมาย แต่ที่จะหยิบยกมาพูดกันในวันนี้ เป็นการปล่อยเงินกู้ผ่านแอปพลิเคชันต่างๆ ซึ่งมีแอปฯ ที่ถูกเจ้าหน้าที่กวาดล้างไปแล้วอย่าง NEGU, NICE LOAN, CASH CARD, CASH LOAN ฯลฯ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นแอปฯ เรียกเก็บดอกเบี้ยสูงกว่าที่กฎหมายกำหนด โดยมีกลุ่มนายทุนชาวจีนอยู่เบื้องหลัง โดยว่าจ้างคนไทยให้ปล่อยสินเชื่อ และติดตามทวงหนี้

...

ประสบการณ์ตรง คนหลงเชื่อ สูญเงิน จ่ายไม่จบ

น.ส.ส้มโอ (นามสมมติ) อายุ 55 ปี เล่าให้เราฟังว่า โดยยอมรับว่า ก่อนหน้านี้ตัวเองมีหนี้สินนอกระบบ และต้องการเงินไปปิดหนี้เหล่านี้ เมื่อเห็น SMS โฆษณาของแอปฯ เงินกู้เหล่านี้ส่งเข้ามายังสมาร์ทโฟน ชวนเชื่อว่า ไม่ต้องมีคนค้ำ อนุมัติเร็ว ได้เงินจริง ทำให้หลงเชื่อกดลิงก์เข้าไป โดยไม่รู้เลยว่า การอนุญาตให้สินเชื่อเหล่านี้เข้าถึงข้อมูลในโทรศัพท์มือถือ นั่นหมายความว่า ข้อมูลส่วนตัวทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นสมุดโทรศัพท์ ข้อมูลการโทรเข้าออก รูปภาพ ตำแหน่งที่ตั้ง จะถูกมิจฉาชีพกลุ่มนี้ ดูดไปเก็บไว้ เพื่อใช้เป็นเครื่องต่อรอง หากเบี้ยวชำระหนี้

จากสินเชื่อรายเดียว ก็มีสินเชื่อรายอื่นๆ ส่งลิงก์ลักษณะเดียวกัน เข้ามาเสนอเงินเพิ่มให้ ด้วยความที่ต้องการเงินมาใช้หนี้แอปฯ แรก ซึ่งให้เวลาในการชำระหนี้ใน 7 วัน ทำให้จำเป็นต้องกดสมัครไปเรื่อยๆ รู้อีกที ก็เป็นหนี้ประมาณ 10 แอปฯ ได้ แต่ตนส่งตรงเวลาตลอด กระทั่งรู้สึกว่า ไม่ไหวแล้ว เพราะทำอย่างไรก็ไม่สามารถใช้หนี้หมด ทำให้เป็นหนี้วนอยู่อย่างนี้ไม่จบสิ้น จึงโทรเข้าไปปรึกษาที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจอธิบายลักษณะการทำงานของมิจฉาชีพกลุ่มนี้ พร้อมแนะนำให้ตนทำการปิดกั้นการเข้าถึงข้อมูลในโทรศัพท์มือถือ เปลี่ยนไลน์ ปิดกั้นเฟซบุ๊ก พร้อมกับนำหลักฐานการชำระหนี้ เข้าแจ้งความไว้เป็นหลักฐาน

แต่เมื่อครบกำหนด ก็ต้องยอมรับว่า แก๊งทวงหนี้เหล่านี้ได้โทรสอบถาม และก่อกวนไปยังบุคคลที่ตนบันทึกไว้ในโทรศัพท์มือถือ โดยอ้างว่า ตนนำชื่อบุคคลเหล่านี้ไปอ้างอิง และค้ำประกันเงินกู้ ถ้าไม่อยากเดือดร้อน ให้โทรติดตามตนมาชำระหนี้ บางคนเจอต่อว่าด้วยถ้อยคำหยาบคาย บางคนที่ใช้โปรแกรมไลน์ แล้วสามารถค้นหาได้ด้วยเบอร์โทรศัพท์ ก็จะได้รับข้อมูลส่วนตัวของตน ทั้งบัตรประชาชน รูปถ่ายต่างๆ

ตนยอมรับว่า ได้รับความเดือดร้อน และอับอาย แต่ก็ต้องทำใจว่า เป็นความผิดพลาดของตนด้วย ที่หลงเข้าไปอยู่ในวังวนของแอปฯ สินเชื่อเหล่านี้



บุคคลที่สาม ความรำคาญ ที่ไม่อาจเลี่ยงได้

ขณะที่ บุคคลที่สาม ซึ่งมีชื่อเป็นผู้อ้างอิง ตอนที่ผู้กู้สมัครสินเชื่อ ดูเหมือนจะเป็นเป้าหมายที่แก๊งสินเชื่อเหล่านี้ โทรตามรังควาน เมื่อไม่สามารถติดต่อผู้กู้ได้ มีทั้งโทรมาสอบถามดีๆ ให้ช่วยติดตามผู้กู้ให้ ไปจนถึงต่อว่าด้วยถ้อยคำหยาบคาย และอ้างว่าจะนำข้อมูลของบุคคลที่ 3 ไปประจานด้วย ซึ่งพนักงานทวงหนี้เหล่านี้ ก็จะมีทั้งคนไทย และที่ไม่ใช่คนไทย แต่สามารถพูดไทยได้

นายโต้ง (นามสมมติ) ผู้ซึ่งถูกแก๊งทวงหนี้เหล่านี้ อ้างอิงว่า เป็นผู้ค้ำประกันให้กับผู้กู้รายหนึ่ง เล่าให้เราฟังว่า ตนพอจะติดตามข่าวเรื่องนี้มาบ้าง ทำให้ทราบการทำงานของแก๊งเหล่านี้ประมาณหนึ่ง ช่วงแรกเขาก็โทรมาถามดีๆ แต่เมื่อเรารู้ว่า เราไม่ได้ไปค้ำประกันให้ใครแน่นอน เราจึงพยายามขอข้อมูลจากเขา ซึ่งพนักงานทวงหนี้เหล่านี้จะอ้างอย่างเดียวว่า มีหน้าที่ทวงหนี้เท่านั้น ไม่สามารถให้ข้อมูลอื่นได้ ไม่ว่าจะชื่อของผู้ที่โทรมาทวงหนี้เอง ที่ตั้งของบริษัท หรือแม้กระทั่งชื่อของเรา เพราะเขาจะรู้แต่เพียงชื่อที่ถูกบันทึกไว้ในโทรศัพท์เท่านั้น ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นชื่อเล่น

และเมื่อให้เขาส่งหลักฐานการกู้เงินมาให้ทาง MMS แก๊งทวงหนี้ก็จะบ่ายเบี่ยง และพยายามขอส่งข้อมูลการกู้เงินให้ทางไลน์อย่างเดียวเท่านั้น โดยอ้างว่าส่งหลักฐานให้ทางนั้นง่ายกว่า

...

ซึ่งนายโต้ง อธิบายว่า ที่ไม่ให้เบอร์ไลน์ เพราะตนกลัวว่า แก๊งเงินกู้เหล่านี้ จะแฮกข้อมูลของตนไปด้วย ตนจึงทำการปิดกั้น เพื่อให้เข้าถึงข้อมูลส่วนตัวของตนไม่ได้ แต่ก็ต้องยอมรับว่า การกระทำของแก๊งเงินกู้เหล่านี้ สร้างความรำคาญไม่น้อย จึงอยากให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยติดตามจับกุมแก๊งเงินกู้เหล่านี้มาดำเนินคดีด้วย แม้ตนจะไม่ได้เป็นผู้เสียหายจากการกู้ แต่การที่ถูกแก๊งเหล่านี้โทรหาตลอดเวลา ใช้เบอร์แปลกๆ ส่งข้อความมา ก็ทำให้รู้สึกตัวเองไม่ปลอดภัยเช่นกัน

"Anti หมวกกันน็อค Online" ช่วยเหยื่อ รับมือปัญหา

แอดมินแซนด์ จากเพจ “Anti หมวกกันน็อค Online” ซึ่งทำหน้าที่ช่วยเหลือผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากแก๊งสินเชื่อเหล่านี้ เล่าให้เราฟังถึงจุดเริ่มต้นของเพจว่า แซนด์เคยได้รับความเดือดร้อนจากแก๊งสินเชื่อเหล่านี้ เมื่อเผลอไปกดลิงก์ที่ถูกส่งเข้ามาให้ในโทรศัพท์มือถือ ว่าได้รับการอนุมัติเงินจำนวน 100,000 บาท แต่เมื่อกดเข้าไปแล้ว รู้ว่าไม่ใช่ข้อความจากธนาคาร จึงกดออก จากนั้นก็ไม่ได้สนใจอะไร

กระทั่งมีข้อความไปถึงบุคคลอื่นๆ ที่มีเบอร์อยู่ในโทรศัพท์เราทั้งหมด ว่าเรา ชื่อนี้ เจ้าของเบอร์โทรศัพท์นี้ ได้ทำการกู้เงิน แล้วไม่ได้ชำระหนี้ตามกำหนด และยังใช้ชื่อบุคคลที่ 3 เป็นบุคคลอ้างอิงในการค้ำประกัน พร้อมให้เบอร์ติดต่อกลับ กลายเป็นว่าทุกคนโทรกลับมาหาตน มีบางคนไม่เข้าใจ ก็คิดว่าเราเป็นมิจฉาชีพ โทรมาต่อว่า จึงต้องไปแจ้งความ ทำให้รู้ว่า มีผู้เสียหายในลักษณะเดียวกันอีกจำนวนมาก จากนั้นจึงเริ่มติดต่อผู้เสียหายรายอื่นๆ และติดต่อไปยัง ศอท. เพื่อร้องเรียนว่า เราเจอเหตุการณ์แบบนี้ จะสามารถช่วยอะไรพวกเราได้บ้าง

...

ช่วงแรกที่ก่อตั้งกลุ่ม มีผู้เสียหายประมาณร้อยกว่าคนเท่านั้น แต่ภายในสัปดาห์เดียว ตนสามารถรวบรวมผู้เสียหายได้ถึงห้าร้อยคน จากนั้นก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ปัจจุบันมีผู้เสียหาย ที่ติดต่อเข้ามาพูดคุยในโอเพ่นแชตแล้วกว่า 4,200 คน ซึ่งพอเรามาตรวจสอบดูจริงๆ ก็ต้องยอมรับว่า ขบวนการนี้ไม่ใช่แค่การปล่อยกู้เงิน แต่ยังนำข้อมูลของผู้เสียหายไปทำธุรกรรมทางการเงิน ไม่ว่าจะเป็นการกู้เงิน สั่งของช็อปปิ้งออนไลน์ หรือแม้แต่การโอนเงินผ่านบัตรเดบิต

ดูดข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความประจาน กดดันให้ชำระหนี้

แอดมินแซนด์ เล่าให้เราฟังว่า ลักษณะการทำงานของแก๊งสินเชื่อเหล่านี้ หลักๆ จะเข้าถึงข้อมูลของผู้กู้ได้ ไม่ว่าจะเป็นไลน์ เฟซบุ๊ก สมุดโทรศัพท์ หรือแม้กระทั่งโมบายล์แบงก์กิ้ง ซึ่งแก๊งสินเชื่อจะใช้ข้อมูลของผู้กู้เป็นหลักประกัน หากผิดนัดชำระ ก็จะมีการโทรไปหาบุคคลอื่นๆ ที่อยู่ในสมุดโทรศัพท์ รวมถึงการเสิร์ชหาไลน์ ที่ผูกกับเบอร์โทรศัพท์ เพื่อส่งข้อความของผู้กู้ไปประจาน ข่มขู่ รวมถึงส่งไปทางเฟซบุ๊ก แม้จะทำการปิดกั้นภายหลัง ก็ไม่ทันแล้ว

...

ขณะที่ผู้เสียหายเราจะแบ่งออกเป็น 7 ประเภทคือ ประเภทแรก ผู้เสียหายที่ไม่ได้มีการกู้เงิน แต่เผลอเข้าไปกดลิงก์ของมิจฉาชีพเหล่านี้ แล้วถูกดูดข้อมูลไป จากนั้นก็กลายมาเป็นผู้ที่ถูกคุกคาม, ประเภทที่สอง กดกู้ไปแล้ว แต่จ่ายไม่จบ แม้จะปิดยอดไปแล้ว แต่ก็ยังมีการทวงถามไปยังบุคคลที่สอง สาม สี่, ประเภทที่สาม กู้เงินไปจริง จำนวนหลายแอปฯ แล้วจ่ายไม่ไหว, ประเภทที่สี่ กรอกขอมูลเพื่อขอสินเชื่อ ไม่ได้รับการอนุมัติรับเงิน แต่กลับถูกทวงหนี้

ประเภทที่ห้า คือผู้เสียหายที่ถูกหลอกให้โอนเงินมัดจำ หรือค่าดำเนินการก่อน ถึงจะได้เงินจำนวนที่ต้องการกู้, ประเภทที่หก คือ ผู้เสียหายที่กู้หนึ่งแอปฯ แต่มีการอนุมัติกู้เงินมากกว่าหนึ่งโดยอัตโนมัติ ซึ่งเป็นแอปฯ ที่อยู่ในเครือข่ายเดียวกัน และประเภทสุดท้าย คือบุคคลที่ได้รับข้อความข่มขู่ ว่าตัวเองเป็นบุคคลค้ำประกัน หรือบุคคลอ้างอิง ให้มาชำระหนี้แทน

เล่ห์กลลวง ก๊อบปี้โทรศัพท์ คุกคามทางเพศ

ล่าสุด ที่เป็นปัญหาสำหรับแอดมินในกลุ่มของเราตอนนี้ เป็นเรื่องของการก๊อบปี้โทรศัพท์ หรือโคลนนิ่งโทรศัพท์ของผู้เสียหายขึ้นมาอีกเครื่องหนึ่ง ซึ่งสามารถเข้าถึงข้อมูล ลบข้อมูลในโทรศัพท์ของผู้เสียหาย ดักฟัง หรือแม้กระทั่งเปิดกล้องแอบถ่ายผู้เสียหายได้ ซึ่งขณะนี้เรากำลังส่งโทรศัพท์ของผู้เสียหายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการตรวจสอบอยู่ 

ส่วนเคสที่หนักที่สุด เป็นเคสที่ผู้เสียหายทำการกู้เงินมาจริง แต่จ่ายไม่ไหว แล้วถูกคุกคามด้วยการนำรูปไปประจาน คุกคามทางเพศ เอาไปขายในเว็บโป๊ บางครั้งก็โดนบังคับด้วยการให้ถ่ายรูปเปลือยส่งไป เพื่อแลกกับการไม่ต้องชำระดอกเบี้ย ซึ่งเหยื่อเหล่านี้ด้วยความที่ถูกกดดัน ไม่สามารถบอกใครได้ เพราะไม่อยากให้คนรอบข้างเดือดร้อน หรือถูกคุกคาม จึงยอมทำ เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้ลดหย่อนหนี้ให้ ทั้งยังเอารูปไปประจาน ก็ทำร้ายตัวเอง

นอกจากนี้ แอดมินแซนด์ ยังเล่าให้เราฟังด้วยว่า แก๊งสินเชื่อเหล่านี้ จะใช้หลักจิตวิทยาในการทวงหนี้ และจะทำเป็นสถิติเก็บไว้ ซึ่งจากข้อมูลที่เราทราบมา 1 คน จะต้องโทรทวงหนี้ประมาณ 200 คนต่อวัน จากนั้นก็จดเป็นสถิติ รับสายกี่คน ไม่รับสายกี่คน ตื่นตระหนกกี่คน ใครที่มีแนวโน้มทวงแล้วได้เงิน โดยแก๊งเหล่านี้จะทำงานเป็นระบบ

แจ้งความดำเนินคดี ถูกข่มขู่คุกคาม

สิ่งแรกเราจะบอกผู้เสียหายเสมอ คือ คุณต้องตั้งสติก่อน จากนั้นก็ไปแจ้งความ ถ้า สน. หรือ สภ. ไหน ไม่รับแจ้งความ ให้ติดต่อหาแอดมิน ซึ่งแอดมินก็จะทำการเจรจาให้ ว่าเหยื่อตกเป็นผู้เสียหายแบบไหน เพราะบางทีด้วยความที่ผู้เสียหายไม่มีสติ พอไปถึงก็อยากจะแจ้งความ แต่ตำรวจไม่เข้าใจ เพราะเขาจะเข้าใจว่า กู้มาแล้ว ก็ต้องจ่าย แต่สิ่งที่เราต้องการไปแจ้งความ หรือลงบันทึกประจำวัน ไม่ใช่การกู้เงิน แต่เป็นการทำผิด พ.ร.บ.คอมฯ เป็นเรื่องของการคุกคาม ข่มขู่ และ พ.ร.บ.ทวงหนี้ ก็อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจแยกแยะให้ออกด้วย

ส่วนบุคคลที่สามที่ถูกคุกคาม สิ่งที่ต้องทำอย่างแรก เช่นเดียวกัน คือการนำหลักฐานไปแจ้งความว่าถูกคุกคาม แต่ไม่ได้หมายความว่า เขาถูกแอบอ้างชื่อ เพราะไม่จริง เนื่องจากในเรื่องของการค้ำประกัน ตามกฎหมาย ต้องมีการเซ็นยินยอม เป็นลายลักษณ์อักษร ดังนั้น ต้องคำนึงว่า บุคคลที่สามเหล่านี้ ถูกนำข้อมูลไปโดยมิชอบ ถูกข่มขู่ คุกคาม ซึ่งแก๊งสินเชื่อเหล่านี้ จะมาบังคับให้เขาจ่ายเงินแทนไม่ได้

ที่ผ่านมา แม้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะตามจับได้หลายแอปฯ แต่ก็ต้องทำใจว่า เมื่อแอปฯหนึ่งถูกจับ ข้อมูลทั้งหมดจะถูกส่งต่อให้กับแก๊งอื่นๆ ที่อยู่ในเครือข่าย เพื่อให้ทำงานแทน ซึ่งต้องยอมรับว่า ในช่วง 2 สัปดาห์แรก จะหนักมากๆ สำหรับผู้เสียหายที่ตั้งสติไม่ได้ เพราะนอกจากจะถูกทวงหนี้จากแก๊งเหล่านี้แล้ว ยังถูกกดดันจากบุคคลที่สาม ซึ่งมีรายชื่ออยู่ในสมุดโทรศัพท์ด้วย

แต่แม้เราจะจ่ายหนี้ เพื่อตัดปัญหากับคนรอบข้าง แต่ยังมีผู้เสียหายหลายคนที่ยังถูกทวงหนี้จากแอปฯ ในเครือข่าย ทั้งๆ ที่ไม่ได้ขอกู้เงิน ซึ่งหากจะตัดวงจรเหล่านี้ ต้องหยุดจ่าย แล้วแจ้งความดำเนินคดี ให้ข้อมูลกับเรา หรือหน่วยงานที่รับผิดชอบ ว่าตัวเองเป็นผู้เสียหายประเภทไหน

เคลียร์ตัวเอง ไม่กลับไปกู้ซ้ำ ทางหลุดพ้นแอปฯ หลอกลวง

“การที่จะหลุดจากวงจรนี้ ต้องดูที่ตัวผู้เสียหายด้วยว่า หลังจากเคลียร์ตัวเองแล้ว รีเซตตัวเองใหม่ แล้วหันกลับไปกู้อีกหรือเปล่า ถ้ายังกลับไปกู้อีก ไม่มีวันหลุดจากวงจรนี้แน่นอน และจะยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นด้วย เพราะแอปฯ เหล่านี้ มันพัฒนาไปจนถึงขั้นที่ต้องยอมรับว่า เทคโนโลยีในประเทศไทย ยังตามไม่ทัน”

ขณะที่แอดมินของเพจ ทำได้แค่ช่วยเหลือ ตอบคำถาม ทำให้ผู้เสียหายกลับมาตั้งรับปัญหาที่เกิดขึ้น และมีสติในการดำเนินชีวิตต่อไป ไม่ใช่สติแตกจนทำอะไรไม่ได้ สุดท้ายลงเอยด้วยการทำร้ายตัวเอง ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ถูก ที่ผ่านมา ในเมื่อมันกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้ เราก็ไม่ควรที่จะเดินกลับเข้าสู่วงจรเหล่านี้อีก

จริงๆ แล้วการที่ตนสร้างกลุ่มนี้ขึ้นมา เพื่ออยากให้เจ้าหน้าที่ในหน่วยงานที่รับผิดชอบเกี่ยวกับเรื่องนี้ ให้โอกาสกลุ่มคนที่ไม่สามารถเข้าถึงการขอสินเชื่อที่ถูกกฎหมาย ในสถาบันการเงินต่างๆ ซึ่งการที่เขาเดือดร้อน เพราะเขาไม่สามารถกู้ในระบบได้ ซึ่งในปัจจุบัน มีคนที่เดือดร้อนจากสถานการณ์โควิด-19 จำนวนมาก แต่ก็ยังไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อต่างๆ ที่รัฐบาลออกมาประกาศให้ความช่วยเหลือได้ เนื่องจากติดเครดิตบูโร หรือแม้กระทั่งมาตรการช่วยเหลือในโครงการต่างๆ ของรัฐบาล ก็ไม่ได้รับ ทำให้ต้องหาทางออกด้วยการกู้ยืมเงินผ่านแอปฯ เหล่านี้ ซึ่งต้องยอมรับว่ากู้ได้ง่าย ไม่ต้องมีคนค้ำประกัน

เตือนประชาชน ระวังถูกหลอกกู้เงินออนไลน์

ด้าน นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้มีกลุ่มบุคคลที่เป็นมิจฉาชีพ แอบอ้างเป็นผู้ให้บริการทางการเงิน โดยใช้ชื่อนิติบุคคลและสถานที่ตั้งสำนักงานที่ได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือผ่านสื่อดิจิทัล หรือช่องทางออนไลน์ต่าง

โดยพฤติการณ์ของกลุ่มบุคคลที่เป็นมิจฉาชีพเหล่านี้จะหลอกลวงประชาชนที่ประสงค์จะขอกู้ยืมเงินให้ทำสัญญากู้ยืมเงิน และแจ้งว่าเงินกู้ที่ทำสัญญากู้ยืมเงินได้รับการอนุมัติแล้ว ขอให้โอนเงินตามจำนวนที่กลุ่มบุคคลที่เป็นมิจฉาชีพแจ้งเพื่อเป็นค่าดำเนินการ หรือค่าธรรมเนียมเข้าบัญชีผู้ให้กู้ (บุคคลธรรมดา) ก่อน หลังจากนั้นจะโอนเงินตามสัญญาเงินกู้ให้กับผู้กู้ในภายหลัง ทำให้มีประชาชนหลายรายหลงเชื่อ ให้ข้อมูลส่วนบุคคลและโอนเงินค่าดำเนินการ หรือค่าธรรมเนียมไปให้ผู้แอบอ้าง แต่ไม่ได้รับเงินกู้

ดังนั้น โปรดอย่าหลงเชื่อกลุ่มบุคคล ที่เป็นมิจฉาชีพ ที่มีการแอบอ้างในลักษณะดังกล่าว และโอนเงินไปก่อนที่จะได้รับเงินกู้ตามที่ต้องการ โดยหากมีการขอให้โอนเงินค่าดำเนินการ ค่าธรรมเนียม หรือค่าค้ำประกันการกู้เงิน ขอให้ตั้งข้อสันนิษฐานไว้ก่อนว่า อาจเป็นการถูกหลอกลวง

รวมทั้งขอเตือนให้ประชาชนที่ประสงค์จะกู้ยืมเงินจากผู้ให้บริการทางการเงินที่ไม่ใช่ธนาคารพาณิชย์ (Non – bank) ตรวจสอบรายชื่อและรายละเอียดของผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อภายใต้การกำกับที่ได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังที่ถูกต้องตามกฎหมาย (รายชื่อ ที่อยู่สำนักงาน และเบอร์โทรศัพท์ของผู้ประกอบธุรกิจ) ได้ดังนี้

  • สำหรับกรณีผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อรายย่อยระดับจังหวัดภายใต้การกำกับ (สินเชื่อ พิโกไฟแนนซ์) ได้ที่เว็บไซต์ www.1359.go.th หรือ http://164.115.61.50/picofinance/public/
  • สำหรับกรณีผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อรายย่อยเพื่อการประกอบอาชีพภายใต้การกำกับ (สินเชื่อนาโนไฟแนนซ์) และสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ ได้ที่เว็บไซต์ https://www.bot.or.th/

โดยสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์รับแจ้งการเงินนอกระบบ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง สายด่วน 1359 ก่อนที่จะดำเนินการใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมกู้ยืมเงิน เช่น การทำสัญญากู้ยืมเงิน เป็นต้น เพื่อป้องกันการถูกหลอกลวงและการฉ้อโกงทรัพย์สิน

ทั้งนี้ หากประชาชนท่านใดได้รับความเสียหายจากพฤติการณ์ดังกล่าว หรือพบเบาะแสบุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่แอบอ้าง สามารถแจ้งความร้องทุกข์โดยตรงได้ที่สถานีตำรวจในท้องที่ที่เกิดเหตุ หรือสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สายด่วน 1599.

ผู้เขียน : เจ๊ดา วิภาวดี
กราฟิก : Sriwon singha