"บอส" ดาราซิตคอม พร้อมผู้เสียหายคดีร่วมกันฉ้อโกง ที่มีนายประสิทธิ์ เจียวก๊ก และพวกเป็นผู้ต้องหา มาพร้อมทนายรณณรงค์ สวมชุดพีพีอี ป้องกันโรค เข้าร้อง ผบช.ก. สั่งการ เร่งดำเนินการยึดทรัพย์เพราะกลัวไม่ได้เงินคืน 


เวลา 09.00 น. วันที่ 19 พ.ค. ที่กองบัญชาการสอบสวนกลาง (บช.ก) ภายในหมู่บ้านเมืองทองธานี ถนนแจ้งวัฒนะ ต.บ้านใหม่ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม ถือป้ายข้อความ "เชือด แม่ทัพประสิทธิ์" พร้อมด้วยนายเดชบดินทร์ หรือบอส ฉายทองดี นักแสดงละครซิตคอมเรื่อง เฮง เฮง เฮง หนึ่งในผู้เสียหายที่หลงเชื่อร่วมลงทุนกับนายประสิทธิ์ เจียวก๊ก สูญเงินไป 49 ล้านบาท และกลุ่มผู้เสียหายอีก 115 คน ทั้งหมดสวมชุดพีพีอี ตามมาตรการการป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 เดินทางเข้าพบ พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบช.ก. เพื่อยื่นหนังสือให้ช่วยติดตามเร่งรัดคดีและออกคำสั่งไปยังกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ยึดอายัดทรัพย์ผู้เกี่ยวข้องในขบวนการฉ้อโกงประชาชนทั้งหมดเพื่อมาคืนให้กับผู้เสียหาย

...

ทั้งนี้ ผู้เสียหายส่วนใหญมีความกังวลว่าหากปล่อยเนิ่นนานเกรงจะไม่ได้ทรัพย์คืน โดยมี พล.ต.ต.ปัญญา ปิ่นสุข รอง ผบช.ก. เป็นผู้รับหนังสือแทน เนื่องจาก พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ ติดภารกิจสำคัญที่ต่างจังหวัด

นายรณณรงค์ กล่าวว่า วันนี้ที่พากลุ่มผู้เสียหายมายื่นหนังสือเพื่อขอความเป็นธรรมที่กองบัญชาการสอบสวนกลาง ในการทวงเงินคืนให้ผู้เสียหาย และต้องการให้ทางกองบัญชาการสอบสวนกลาง สั่งการไปยังกองปราบปรามและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในคดีนี้ทุกหน่วย เร่งติดตามเส้นทางการเงินทรัพย์สินที่มีการยักย้ายถ่ายเทไปในช่วงก่อนที่จะเป็นข่าว เพื่อยึดอายัดทรัพย์เอามาไว้ที่ส่วนกลางในการเฉลี่ยคืนให้ผู้เสียหาย

ส่วนในการแจ้งข้อกล่าวหา ถึงตรงนี้ ยังไม่เห็นแนวทางว่าจะได้คืนกันยังไง แต่ถ้ามีการยึดทรัพย์ได้ ทางผู้เสียหายมีโอกาสได้เงินคืนเต็มจำนวนทุกคน ใครเป็นผู้เสียหายที่ยังไม่ได้แจ้งความถ้าอยากได้เฉลี่ยเงินคืนให้รีบมาแจ้งความร้องทุกข์ เพราะธุรกิจตัวนี้เป็นค่อนข้างที่แน่ชัดแล้วว่าเป็นธุรกิจแชร์ลูกโซ่ เงินปันผลมาจากเงินที่เราร่วมลงทุนไม่ใช่มาจากผลกำไรจากธุรกิจ เพราะฉะนั้นอย่างหลงเชื่อ

ส่วนใครที่ตกเป็นเหนื่อไม่ว่าจะช่องทางไหนก็ตามให้รีบแจ้งความร้องทุกข์ และอีกเหตุผลที่ต้องเดินทางมาที่กองบัญชาการสอบสวนกลางคือทางเจ้าหน้าที่ไม่กล้ายึดอายัดทรัพย์ หากไม่ยึดอายัดทรัพย์ทางกลุ่มผู้เสียหายคงไม่มีทางได้เงินคืน จึงมาวิงวอนให้ทางกองบัญชาการสอบสวนกลางมีคำสั่งลงไปให้ยึดและอายัด เรามั่นใจว่าทางเจ้าหน้าที่สามารถดำเนินการได้และบังคับให้กฎหมายอย่างจริงจัง

"ที่ผ่านมาทางกองปราบปรามบอกว่า การพิสูจน์ทราบว่าทรัพย์นั้นมาจากการกระทำความผิดนั้นยาก แต่การที่ดูว่ายาก ไม่ได้แปลว่าไม่สามารถทำได้ จึงฝากไปถึงผู้บังคับบัญชาที่เกี่ยวข้องให้ลงมาช่วยชี้แนะหรือตั้งชุดคณะทำงาน ที่ผ่านมาได้ประสานไปยัง ป.ป.ง. ให้ช่วยในการดำเนินการยึดอายัดทรัพย์ ซึ่งผู้เสียหายส่วนใหญ่ร่วมลงทุนในธุรกิจท่องเที่ยวในปี 63 เป็นช่วงที่การท่องเที่ยวหยุดชะงัก แต่บริษัทของนายประสิทธิ์ยังเปิดหาเงินระดมทุน เป็นไปไม่ได้เลยว่าจะมีผลกำไร จากธุรกิจและจะได้เงินปันผลตอบแทน" ทนายรณณรงค์ กล่าว

ด้าน พล.ต.ต.ปัญญา กล่าวว่า เรื่องนี้มีการร้องเรียนมายังกองบัญชาการสอบสวนกลางตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา ซึ่งได้สั่งการให้ทางกองบังคับการปราบปรามความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (ปอศ.) ดำเนินการ โดยตั้งคณะทำงานสืบสวนสอบสวน เพราะเห็นว่ามีผู้เสียหายเป็นจำนวนมาก และมียอดความเสียหายสูง และได้ระดมกลุ่มพนักงานสอบสวนในสังกัดสอบสวนกลางเป็นหลักและพนักงานสอบสวนในหน่วยอื่นมาช่วยรองรับในการแจ้งความร้องทุกข์

อีกทั้ง มีการให้การลงทะเบียนร้องทุกข์ทางออนไลน์ เนื่องจากเป็นสถานการณ์ที่โควิด-19 กำลังระบาด เพื่อให้ความสะดวกกับทางผู้เสียหาย จึงขอยืนยันว่าทางเจ้าหน้าที่ไม่ได้นิ่งนอนใจเร่งดำเนินการให้อย่างเต็มที่ เนื่องจากในทางคดีมีการสืบสวนสอบสวน หาหลักฐาน บางเรื่องอยู่ระหว่างการดำเนินการ ซึ่งไม่สามารถจะเปิดเผยข้อมูลได้ ทางผู้ต้องหาเองก็เปิดทำธุรกิจหลายบริษัท หากเจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบการกระทำผิดในส่วนใดก็ดำเนินคดีไปในส่วนนั้นๆ ส่วนทรัพย์สินของนายประสิทธิ์มีนับพันล้านบาทหรือไม่ เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างเร่งตรวจสอบ