สตม. แถลงโชว์ผลงานบุกจับกุมผู้ต้องหาชาวญี่ปุ่น จีน มีพฤติกรรมหลอกลวง อ้างรู้จักบิ๊กๆ ของไทย สามารถเคลียร์คดีต่างๆ ได้ สร้างความเสียหายให้กับผู้หลงเชื่อกว่า 40 ล้าน

เมื่อวันที่ 4 พ.ค.64 พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.พรชัย ขันตี พล.ต.ต.ณฐพล แสวงกิจ พล.ต.ต.สิทธิชัย โล่กันภัย พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม. พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ ผบก.สส.สตม. แถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหาต่างชาติมีพฤติการณ์ต้มตุ๋นหลอกลวง

พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. กล่าวว่า สืบเนื่องจากคดีนี้พบว่า เมื่อวันที่ 27 ก.ค.59 - 18 ก.ย.60 ผู้ต้องหา MR.YAMADA สัญชาติญี่ปุ่น ได้ทำการหลอกลวงผู้เสียหายซึ่งถูกฟ้องเป็นคดีแพ่งรวม 3 คดี ว่าสามารถช่วยให้ผู้เสียหายชนะคดีทั้ง 3 คดีได้ โดยอ้างว่าตนเองนั้นรู้จักคนใหญ่คนโตในประเทศไทย และสามารถช่วยเหลือให้ชนะคดีได้ ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงได้ตกลงจ่ายเงินให้กับผู้ต้องหา (MR.YAMADA) รวมเป็นเงิน 2,060,000 บาท ต่อมาผู้เสียหายทราบภายหลังว่าผู้ต้องหา (MR.YAMADA) ไม่ได้ช่วยเหลือผู้เสียหายเกี่ยวกับคดีเลย ทำให้ผู้เสียหายยังคงเป็นฝ่ายแพ้คดี สร้างความเสียหายให้แก่ผู้เสียหายเป็นเงินจำนวนกว่า 40 ล้านบาท ผู้บังคับบัญชาสั่งการให้มีการระดมสืบสวนจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ

...

สำหรับกรณีนี้ได้รับข้อมูลว่ามีบุคคลต่างด้าวตั้งตัวเป็นผู้รับประสานแก้ปัญหาคดีต่างๆ โดยอ้างว่ารู้จักข้าราชการและบุคคลต่างๆ ในประเทศไทยเป็นอย่างดี สามารถช่วยแก้ไขคดีความต่างๆ ได้ จนนำไปสู่การสืบสวนจับกุมเมื่อวันที่ 10 เม.ย.64 โดยมีพฤติการณ์ในการจับกุมกล่าวคือ เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน กก.2 บก.สส.สตม. ได้ตรวจสอบพื้นที่บริเวณซึ่งเป็นร้านอาหารญี่ปุ่น พบผู้ต้องสงสัยมีลักษณะรูปพรรณสัณฐานคล้ายกับบุคคลต่างด้าวที่ปรากฏอยู่ในภาพเดียวกับบุคคลต่างด้าวซึ่งมีหมายจับ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้เข้าตรวจสอบพบว่าบุคคลดังกล่าวคือบุคคลเดียวกับบุคคลตามหมายจับดังกล่าวจริง โดยใช้ฐานข้อมูล PIBICS และ BIOMETRICS ในการตรวจสอบ จึงได้แสดงหมายจับให้ผู้ต้องหา (MR.YAMADA) ดู โดยผู้ต้องหาให้การยอมรับเบื้องต้นว่าเป็นบุคคลตามหมายจับศาลอาญาพระโขนง ที่ ว.61/2564 ลง 4 ก.พ.64 ข้อหา "ฉ้อโกง" จริง และยังไม่เคยถูกจับในคดีนี้มาก่อน จึงได้จับกุมตัวเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป


พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ ผบก.สส.สตม. กล่าวว่า นอกจากนี้ กก.2 บก.สส.สตม.ได้รับแจ้งเบาะแสจากประชาชนว่ามีคนต่างด้าวสัญชาติจีน พักอาศัยที่อาคารพาณิชย์ บริเวณซอย 20 มิถุนา แยก 11 ถนนประชาราษณ์บำเพ็ญ แขวงสามแสนนอก เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ โดยมีพฤติการณ์น่าสงสัย เจ้าหน้าที่สืบสวน กก.2 ได้เฝ้าสังเกตการณ์บริเวณอาคารพาณิชย์หลังดังกล่าวอีกครั้ง ปรากฏว่าพบบุคคลต่างด้าวลักษณะเป็นบุคคลสัญชาติจีนเดินออกมาจากอาคารดังกล่าว เจ้าหน้าที่สืบสวน กก.2 จึงได้แสดงตนว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองเพื่อตรวจสอบหนังสือเดินทาง แต่บุคคลดังกล่าวแสดงท่าทางมีพิรุธไม่ยินยอมให้ตรวจสอบ และวิ่งหนีเข้าไปในอาคารหลังดังกล่าว ทำให้เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงติดตามโดยทันทีและจับตัวไว้ ทราบชื่อภายหลังคือ MR.JIANG. XIAOLIN ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ขอตรวจสอบหนังสือเดินทาง หรือเอกสารแทนหนังสือเดินทาง แต่บุคคลดังกล่าวไม่สามารถนำมาแสดงได้ เพราะหนังสือเดินทางฯ อยู่ในห้องนอนภายในอาคาร หลังจากนั้น MR.JIANG. XIAOLIN จึงได้พาเจ้าหน้าที่ตำรวจฯเข้าไปภายในอาคาร และห้องนอนที่ชั้น 4 ของตน ซึ่งพบว่า MR.JIANG XIOLIN สัญชาติจีน และเจ้าหน้าที่ฯยังได้ตรวจพบบัตรอิเล็กทรอนิกส์หลายใบ เป็นบัตรที่มีชื่อเป็นของบุคคลอื่นที่ไม่ใช่ของ MR.JIANG. XIAOLIN รวมถึงยังมีบัตรเครดิตเปล่าวางอยู่ข้างที่นอนและกระเป๋า

นอกจากนี้ยังพบอุปกรณ์อ่านและเขียนบัตรอิเล็กทรอนิกส์ (เครื่อง SKIMMER) พร้อมกับแท็บแล็ต วางอยู่บนโต๊ะภายในห้องดังกล่าว MR.JIANG. XIAOLIN รับว่าบัตร อิเล็กทรอนิกส์หลายใบที่อยู่ภายในกระเป๋าและอุปกรณ์อ่านและเขียนบัตรอิเล็กทรอนิกส์ (เครื่อง SKIMMER) พร้อมกับแท็บแล็ต เป็นของตนและบัตรต่างๆ ตนได้ใช้ในการรูดซื้อสินค้า เจ้าหน้าที่ตำรวจฯจึงได้แจ้งข้อกล่าวหาว่าการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดฐาน "ทำบัตรอิเล็กทรอนิกส์ปลอมขึ้นโดยการแก้ไขด้วยประการใดๆ ในบัตรอิเล็กทรอนิกส์ที่แท้จริง" "ใช้หรือมีไว้ใช้ซึ่งบัตรอิเล็กทรอนิกส์ปลอม" "ผู้ใดใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบ ในประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน" พร้อมทำบันทึกจับกุมนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.สุทธิสาร เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป.