คนร้ายบุกเดี่ยวชิงทอง ห้างทองหวังโต๊ะกังเยาวราช ภายในห้างดังกลางเมืองพิษณุโลก โกยทองไป 7 บาท ก่อนหนีลอยนวล โดยกล้องวงจรปิดสามารถบันทึกภาพคนร้ายได้ชัดเจน คาดว่าใช้เวลาไม่นานจับได้แน่

เมื่อเวลา 15.40 น. วันที่ 2 พ.ค.64 ร.ต.อ.ธเนตร วงษ์ปริง รอง สว.สอบสวน สภ.เมืองพิษณุโลก รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ 191 ว่ามีเหตุคนร้ายก่อเหตุวิ่งราวทรัพย์เป็นสร้อยคอทองคำหนักรวม 7 บาท จากห้างทองหวังโต๊ะกังเยาวราช อยู่บริเวณชั้น 1 ภายในเทสโก้ โลตัส พิษณุโลก เลขที่ 8/34 ถนนมิตรภาพ ต.อรัญญิก อ.เมืองพิษณุโลก ไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.อ.ภาคภูมิ ปราบศรีภูมิ ผกก.สภ.เมืองพิษณุโลก ตำรวจชุดงานป้องกันและปราบปราม และตำรวจชุดสืบสวนจำนวนหนึ่ง สอบสวนเบื้องต้นทราบว่า คนร้ายชายวัยรุ่น อายุประมาณ 30 ปี สูงประมาณ 170 ซม. สวมเสื้อแขนยาวแบบมีฮูทสีน้ำตาล ใส่กางเกงยีนส์ สวมรองเท้าผ้าใบสีดำ ใช้รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้าคลิก สีส้ม เป็นพาหนะ สวมหมวกกันน็อกเต็มใบสีดำ ขับขี่หลบหนีออกจากไปทางถนนมิตรภาพมุ่งหน้าไปทางสี่แยกโคกช้างและสี่แยกอินโดจีน ตำรวจจึงวิทยุให้ชุดสายตรวจรถจักรยานยนต์ช่วยกันสกัดจับตามเส้นทาง รวมทั้งเส้นทางยูเทิร์นกลับเข้าตัวเมืองพิษณุโลกด้วย

...

พ.ต.อ.ภาคภูมิ เปิดเผยว่า จากการสอบสวนทราบว่า คนร้ายทำทีมาขอดูสร้อยทองคำกับพนักงาน ระหว่างที่เลือกสร้อยทองคำอยู่คาดว่าคนร้ายเห็นพนักงานเผลอจึงคว้าสร้อยคอทองคำลายหวายซีดี หนัก 5 บาท 1 เส้น และสร้อยคอทองคำลายกระดูกมังกรเหลี่ยม หนัก 2 บาท รวมมูลค่า 183,050 บาท วิ่งหลบหนีออกไปหน้าเทสโก้ โลตัส ก่อนที่จะขับขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งกล้องวงจรของทางห้างสามารถจับภาพคนร้ายและเห็นลักษณะรูปพรรณชัดเจน เบื้องต้นได้สั่งการให้ตำรวจชุดสืบสวนลงพื้นที่หาเบาะแสเกี่ยวกับคนร้ายเพิ่มเติม เพื่อจะได้ติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายโดยเร็วต่อไป ต่อมาตำรวจกลุ่มงานตรวจสถานที่เกิดเหตุ ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 6 ได้มาตรวจที่เกิดเหตุและเก็บรอยนิ้วมือแฝงที่คาดว่าจะเป็นลายนิ้วมือของคนร้ายไว้ประกอบสำนวนคดี

ด้าน น.ส.กนกพร อ่อนละมูล อายุ 24 ปี และ น.ส.จริยา พรมทองดี อายุ 25 ปี พนักงานประจำห้างทอง เปิดเผยว่า คนร้ายที่ก่อเหตุมาขอดูสร้อยคอทองคำรวมทั้งหมด 3 ครั้งก่อนก่อเหตุ ท่าทางคนร้ายดูตื่นเต้น ขอดูสร้อยคอทองคำไปพูดแล้วก็ปาดเหงื่อไป ท่าทางร้อนรน และทำทีโทรศัพท์ไปด้วย ลักษณะเหมือนปรึกษากับผู้หญิง และขอดูลายสำหรับผู้ชายเส้นหนึ่งและลายผู้หญิงเส้นหนึ่ง ทำให้ตนเข้าใจว่าจะซื้อไปงานแต่งงาน ตอนแรกขอดูเส้นหนัก 10 บาท แล้วก็เปลี่ยนเป็นขอดูน้ำหนักทองลดลงเป็นหนัก 8 บาท และเป็น 7 บาท แล้วยืนดูสร้อยคอทองคำหนัก 5 บาท และหลอกให้ น.ส.จริยา หันไปหยิบสร้อยเส้นอื่นมาให้ดู คนร้ายจึงกระชากสร้อยคอทองคำที่อยู่ในมือ น.ส.กนพร ไปได้อีก 1 เส้น แล้ววิ่งหลบหนีไปพร้อมสร้อยคอทองคำ 2 เส้น พี่ที่ขายของอยู่ใกล้เคียงได้ยินเสียงตะโกนร้องให้ช่วยของพวกตน พยายามจับคนร้ายแต่ก็เอาไม่อยู่ เพราะคนร้ายดูท่าทางแข็งแรงพอสมควร พวกตนอยากให้คนร้ายเอาสร้อยคอทองคำมาคืนเพราะพวกตนต้องเดือดร้อนแน่ แม้ว่าจะเห็นใจที่คนร้ายอาจเข้าตาจนทำให้ก่อเหตุเช่นนี้ก็ตาม อยากให้เอาสร้อยคอทองคำที่นำไปมาคืนให้กับทางร้านด้วย.