พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.สั่งสืบสวนเพื่อทราบข้อเท็จจริงโดยเร่งด่วน กรณี 2 หนุ่มไทย-สาวลาว ปกปิดไทม์ไลน์ ลักลอบเข้า-ออกประเทศ แถมติดเชื้อโควิด-19 ต้องสงสัยแพร่เชื้อโควิดใน สปป.ลาว
กรณีคณะเฉพาะกิจป้องกัน ควบคุม และแก้ไขการระบาดของเชื้อโควิด-19 ของ สปป.ลาว ได้แถลงข่าวการพบผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่ 2 คน พบไทม์ไลน์ที่เชื่อมโยงกับผู้ป่วยชาย ชาวไทย 2 ราย ได้ลักลอบข้ามไปยังฝั่ง สปป.ลาว แล้วพาหญิงชาวลาวรายดังกล่าว ตระเวนเที่ยวตาม ผับ ร้านอาหาร ก่อนจะลักลอบข้ามกลับมาในราชอาณาจักรไทยในเขต จ.หนองคาย
เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2564 พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร., พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร., ได้สั่งการให้ สตม. โดย พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม., พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ณัฐพล แสวงกิจ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.กฤษฎา กาญจนอลงกรณ์ ผบก.ตม.4 และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตม.จว.หนองคาย สืบสวนเพื่อทราบข้อเท็จจริงโดยเร่งด่วน โดยประสานข้อมูลกับ สปป.ลาว เพื่อดำเนินการกับผู้กระทำผิด
จากการสืบสวนได้ทราบว่าชายไทยทั้ง 2 ราย ตามภาพที่ปรากฏในกล้อง CCTV ใน สปป.ลาว คือ นายชิตพล ขอสงวนนามสกุล อายุ 30 ปี และ นายธนกฤต ขอสงวนนามสกุล อายุ 31 ปี ขณะอยู่ที่นครหลวงเวียงจันทน์ สปป.ลาว ซึ่งเชื่อได้ว่าชายไทยทั้ง 2 รายได้ลักลอบเดินทางข้ามไปยังฝั่ง สปป.ลาว จากนั้นได้ ชักชวนเพื่อนหญิงชาวลาวตระเวนท่องเที่ยวไปตามสถานที่ต่างๆ
ต่อมานายธนกฤต ได้ลักลอบเดินทางกลับเข้ามาในประเทศไทย และเมื่อวันที่ 15 เม.ย.ได้พบว่า นายธนกฤต ติดเชื้อโควิด-19 จึงส่งเข้ารับการ รักษาตัวที่ รพ.หนองคาย ส่วนนายชิตพล และ น.ส.ดาววะดี ขอสงวนนามสกุล อายุ 26 ปี ชาวลาว ได้ ลักลอบเข้าประเทศไทยตามมาเมื่อวันที่ 16 เม.ย. และเมื่อได้ทราบข่าวว่า นายธนกฤต ติดเชื้อโควิด-19 นายชิตพล และ น.ส.ดาววะดี จึงได้เดินทางมายัง รพ.หนองคาย เพื่อตรวจหาเชื้อ ผลการตรวจพบว่าติดเชื้อ โควิด-19 จึงเข้ารับการรักษาตัวที่ รพ.หนองคาย
...
จากการตรวจสอบพบว่านายชิตพล และ นายธนกฤตเป็น บุคคลเดียวกับที่ปรากฏภาพในกล้องวงจรปิดใน สปป.ลาว และจากข้อมูลไทม์ไลน์ที่ทั้งสองได้ให้ไว้กับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขได้ปกปิดข้อมูลการเดินทางไป สปป.ลาว ซึ่งไม่ตรงกับข้อมูลจากการสืบสวน ตม.จว.หนองคาย จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานเข้าร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองหนองคาย เพื่อให้ดำเนินคดีกับ นายธนกฤต ในข้อหา “เป็นบุคคลสัญชาติไทยเดินทางเข้ามาและออกไปนอกราชอาณาจักร โดยไม่ผ่าน เขต ท่า สถานี ตามประกาศในกฎกระทรวง และไม่ผ่านการตรวจจากเจ้าพนักงานตรวจคนเข้าเมืองประจาเส้นทาง นั้น” และ “จงใจปกปิด บิดเบือนการเดินทางของตนเองต่อเจ้าพนักงาน”
นายชิตพลในข้อหา “เป็นบุคคล สัญชาติไทยเดินทางเข้ามาและออกไปนอกราชอาณาจักร โดยไม่ผ่าน เขตท่า สถานี ตามประกาศใน กฎกระทรวง และไม่ผ่านการตรวจจากเจ้าพนักงานตรวจคนเข้าเมืองประจำเส้นทางนั้น” และ “ให้ความช่วยเหลือ ซ่อนเร้น หรือให้ความช่วยเหลือด้วยประการใดๆ เพื่อให้คนต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิด กฎหมาย ให้พ้นจากการถูกจับกุม” และ “จงใจปกปิด บิดเบือนการเดินทางของตนเองต่อเจ้าพนักงาน”
และ น.ส.ดาววะดี ในข้อหา“เป็นคนต่างด้าวเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต” ปัจจุบันบุคคล ทั้ง 3 ราย อยู่ระหว่างการรักษาโรคโควิด-19 ซึ่งศาลจังหวัดหนองคายได้ออกหมายจับและได้ประสานทำการอายัดตัวไว้แล้ว หากสิ้นสุดการรักษาเมื่อใด จะได้นำตัวเข้าสู่กระบวนการดำเนินคดีจนกว่าคดีจะถึงที่สุดต่อไป
เพื่อเป็นการดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องในการกระทำความผิดทุกราย จึงมีการสืบสวนขยายผล เพิ่มเติมจนพบว่าขณะที่นายชิตพล และน.ส.ดาววะดี ได้ลักลอบเข้ามาในราชอาณาจักร ได้มีนายเกียรติศักดิ์ ชายชาวไทย อายุ 50 ปี นำรถยนต์กระบะ ISUZU หมายเลขทะเบียน บบ-1351 อุดรธานี มาให้ความช่วยเหลือเพื่อให้รอดพ้นการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้มีการรวบรวมหลักฐานเพื่อดำเนินคดีกับนายเกียรติศักดิ์
ต่อมาศาลจังหวัดหนองคาย ได้อนุมัติหมายจับ นายเกียรติศักดิ์ในข้อหา “ให้ความ ช่วยเหลือ ซ่อนเร้น หรือให้ความช่วยเหลือด้วยประการใด ๆ เพื่อให้คนต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิด กฎหมาย ให้พ้นจากการถูกจับกุม” ซึ่งจะได้ตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีต่อไป
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้มีการกวดขันและจับกุมการกระทำความผิดอันกระทบต่อความสงบ เรียบร้อย ความผิดที่ทาให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศชาติ โดยเฉพาะการกระทำที่อาจส่งผล ให้เกิดการแพร่เชื้อโควิด-19 อย่างจริงจัง หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด โปรดแจ้ง สายด่วน 191 ได้ทันที.