• กรณีปรากฏภาพหญิงสาวถ่ายรูปคู่กับเครื่องบินเฮลิคอปเตอร์ Bell 429 ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก่อนขึ้นไปนั่งภายในห้องโดยสาร ถ่ายคลิปอวดโซเชียล ขณะทำการบิน นำมาสู่กระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง
  • โดยเฉพาะประเด็นเรื่อง "ความเหมาะสม" ที่สุ่มเสี่ยงอาจจะขัดกับระเบียบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
  • แนะนำ 9 ข้อ ห้ามข้าราชการตำรวจทำบนโซเชียล


 

กรณีปรากฏภาพหญิงสาวถ่ายรูปคู่กับเครื่องบินเฮลิคอปเตอร์ Bell 429 ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก่อนขึ้นไปนั่งภายในห้องโดยสาร ขณะขึ้นบินมีการถ่ายให้เห็นบรรยากาศต่างๆ ภายในเฮลิคอปเตอร์ ถ่ายวิวทิวทัศน์จากมุมสูง พร้อมติดแฮชแท็ก #HAPPYDAY #HAPPYLIFE #ความสุข แล้วโพสต์ลงบนแอปพลิเคชัน TikTok นำมาสู่กระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางในสื่อสังคมออนไลน์

 

มีการตั้งคำถามว่า หญิงสาวคนดังกล่าวเป็นใคร เจ้าหน้าที่ประจำอากาศยานก็ไม่ใช่ แล้วเกี่ยวข้องอย่างไรกับการปฏิบัติภารกิจหน้าที่ของทางราชการ ได้รับอนุญาตจากผู้มีอำนาจแล้วหรือไม่ ที่จะมานั่งโดยสารเดินทางไปกับอากาศยาน

 

โดยเฉพาะประเด็นเรื่อง "ความเหมาะสม" ที่สุ่มเสี่ยงอาจจะขัดกับระเบียบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

 

ตามระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่าด้วยประมวลระเบียบการตำรวจไม่เกี่ยวกับคดี ลักษณะที่ 47 ระเบียบเกี่ยวกับอากาศยาน พ.ศ.2556 สมัยที่ "บิ๊กอู๋" พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ยังดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร. ได้เซ็นประกาศระเบียบดังกล่าวไว้ หัวข้อ "การพิจารณาใช้อากาศยานสนับสนุนทางอากาศด้วย" ระบุ การใช้อากาศยานทุกประเภท จะต้องพิจารณาไปในทางประหยัด และคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นสำคัญ ทั้งนี้ เพราะอากาศยานและอุปกรณ์ต่างๆ ตลอดจนค่าน้ำมันเชื้อเพลิง และหล่อลื่น และค่าซ่อมบำรุงรักษาอากาศยานสูงมาก ในการพิจารณาคำขอใช้อากาศยานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติทุกกรณี ให้กองบินตำรวจพิจารณาด้วยความละเอียดรอบคอบ โดยคำนึงถึงภารกิจที่จะให้การสนับสนุน ประโยชน์ และประสิทธิภาพในการปฏิบัติราชการ ความจำเป็นเร่งด่วน ความปลอดภัย ระยะทาง ความคุ้มค่า ตลอดจนคุณสมบัติและความเหมาะสมของผู้ขอใช้อากาศยานเป็นสำคัญ และจะปฏิบัติภารกิจทุกครั้งได้ต่อเมื่อได้รับอนุมัติให้ใช้อากาศยานจากผู้มีอำนาจแล้วเท่านั้น

...

 


สำหรับผู้ที่ประสงค์จะขอโดยสารไปกับอากาศยาน 
จะต้องได้รับอนุมัติจากผู้มีอำนาจเป็นลายลักษณ์อักษร โดยให้ผู้บังคับบัญชาตำแหน่งสารวัตร หรือตำแหน่งเทียบเท่าขึ้นไป เป็นผู้ยื่นคำขอ ในเขตกทม. ให้ยื่นคำขอโดยสารต่อผู้บังคับการกองบินตำรวจ นอกเขตกทม. ให้ยื่นต่อหัวหน้าหน่วยบินตำรวจจังหวัด เมื่อได้รับอนุมัติเป็นหลักฐานแล้วจึงจะโดยสารไปกับอากาศยานได้

 

โดยผู้มีอำนาจอนุมัติให้โดยสารอากาศยานตลอดจนการขนส่งสิ่งของของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ คือ

 

1.ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย ผู้บังคับการกองบินตำรวจ หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย

 

2.หัวหน้าหน่วยบินตำรวจจังหวัด เฉพาะอากาศยานที่ประจำหน่วยบินตำรวจจังหวัดนั้นๆ หรืออากาศยานที่ขึ้นลง ณ ที่ตั้งในเขตพื้นที่รับผิดชอบของตน

 

เรื่องนี้ "บิ๊กแรก" พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ออกมาชี้แจงว่า กรณีดังกล่าว เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมานาน 3 ปี โดยตำรวจรายนี้เป็นหน้าห้องของอดีตรอง ผบช.ภ.4 วันดังกล่าวได้เดินทางไปราชการกับผู้บังคับบัญชา แต่มีภรรยาติดตามไปด้วย 

 

“ล่าสุด พล.ต.ต.พิษณุ อุณหเสรี ผบก.ภ.จว.อุดรธานี ได้มีคำสั่งให้ พ.ต.ท.อรรคพล ยี่เกาะ สว.กก.สส.ภ.จว.อุดรธานี ไปปฏิบัติราชการประจำศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรจังหวัดอุดรธานี โดยให้ขาดจากตำแหน่งและสังกัดเดิม พร้อมตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง หากพบว่ามีความผิดก็จะลงโทษทางวินัย”

 

 

แต่งเครื่องแบบตำรวจเต้นคัฟเวอร์ “หนุ่มเกาหลีกับสังกะสีคู่ใจ” โชว์แฟชั่น โซ่ห้อย ลง TikTok

 

ถึงแม้เรื่องนี้ พล.ต.ต.ยิ่งยศ จะออกมาระบุว่า มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องนี้ด้วย เนื่องจากเป็นการกระทำผิดระเบียบ "การใช้สื่อสังคมออนไลน์ เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ อินสตาแกรม TikTok ของข้าราชการตำรวจ ซึ่งหากพบว่ามีความผิดก็ต้องพิจารณาทัณฑ์ทางวินัยตามระเบียบต่อไป

 

แต่หากยังจำกันได้ ในช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา "บิ๊กปั๊ด" พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เพิ่งจะเปิดตัว “โครงการจัดทำแนวทางการใช้สื่อสังคมออนไลน์ของข้าราชการตำรวจ”

 

โครงการนี้เป็นเสมือนคู่มือแนะนำข้าราชการตำรวจทุกระดับให้เรียนรู้วิธีการใช้สื่อสังคมออนไลน์ที่เกิดประโยชน์และถูกต้อง หลังจากพบว่ามีข้าราชการตำรวจใช้สื่อสังคมออนไลน์ไม่เหมาะสม เช่น ล้อเลียน กลั่นแกล้ง แสดงกิริยาขบขันจนเกินขอบเขต ก่อให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือจากสังคม รวมถึงการใช้สื่อออนไลน์ละเมิดบุคคลอื่น หรือกระทำผิดกฎหมายจนเกิดความเสียหายขึ้น ซึ่งข้าราชการตำรวจควรเป็นแบบอย่างที่ดีแก่สังคม

 

สำหรับประเภท ข้อมูลข่าวสารที่ไม่ควรเผยแพร่ในรูปแบบข้อความ รูปภาพ หรือภาพเคลื่อนไหว 9 ข้อ ได้แก่

 

- ข้อมูลที่มีเนื้อหาพาดพิง หรือส่งผลในทางลบต่อสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

- ข้อมูลที่มีผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ หรือกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

- ข้อมูลที่มีลักษณะยั่วยุ เสียดสี บิดเบือนโฆษณา ชวนเชื่อ สร้างความแตกแยกต่อหน่วยงาน องค์กร สถาบัน สังคม รวมถึงการไม่เป็นกลางทางการเมือง

- ข้อมูลความลับของทางราชการ ตามระเบียบการตำรวจที่กำหนดไว้

- ข้อมูลที่เข้าข่ายการกระทำผิด ตามประมวลกฎหมายว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับข้อมูลข่าวสารทั้งของราชการและบุคคล รวมถึงการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาและกฎหมายอาญาใดๆ เช่น ภาพลามก อนาจาร เป็นต้น

...

- ข้อมูลที่ส่งผลกระทบต่อน้ำหนักความน่าเชื่อถือของพยานหลักฐานทางคดี เกิดผลเสียต่อกระบวนการยุติธรรมรวมถึงส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติภารกิจที่มีความเสี่ยงในเชิงยุทธวิธีและยุทธการ

- ข้อมูลที่สร้างกระแสทางสังคม หรือก่อให้เกิดความตื่นตกใจโดยไม่ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริง และไม่มีหลักฐานยืนยัน

- ข้อมูลที่เป็นภัยคุกคามต่อระบบสารสนเทศ และเครือข่าย ได้แก่ โปรแกรมไม่พึงประสงค์ หรือ Malware ทุกประเภท

ข้อมูลที่ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์อันดีของความเป็นข้าราชการตำรวจ ก่อให้เกิดความขบขัน วิพากษ์วิจารณ์ในเชิงลบ ลดความเชื่อมั่น ศรัทธาต่องานตำรวจ ทั้งที่เป็นปัจเจกบุคคล และองค์กรตำรวจโดยรวม

 



ท้ายที่สุดนี้ ทำให้ผู้เขียนต้องนึกถึงคำพูดของ ผบ.ตร. ที่เคยกล่าวเอาไว้เกี่ยวกับการใช้โซเชียลมีเดีย

“สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีกรอบให้ แต่หากทำนอกกรอบ มีผลกระทบเชิงลบต่อหน้าที่การงาน ก็ต้องรับผิดชอบสิ่งที่ทำ ภาพลักษณ์ตำรวจที่ถูกต้องควรเป็นอย่างไร ตลกได้เป็นบางครั้ง แต่ต้องดูสถานการณ์และเวลา”. 

 

 

 

เรื่อง : gravity_ki

กราฟิก : Sathit Chuephanngam