ผู้ว่าฯ ขอนแก่น หอบกระเช้า "ลุงตู่" เข้าเยี่ยมผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์ไฟไหม้รถทัวร์ เตรียมจ่ายเยียวยาให้กับผู้บาดเจ็บสาหัส และเสียชีวิต รายละ 1.1 ล้านบาท ขณะที่ผู้โดยสารรอดตายเผยได้ยินเสียงระเบิดถึง 3 ครั้ง
เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 13 เม.ย.2564 ที่ รพ.สิรินทร ต.โนนสมบูรณ์ อ.บ้านแฮด จ.ขอนแก่น นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น พร้อมด้วย พ.ต.อ.ถนอมศักดิ์ โสภา ผกก.สภ.บ้านแฮด, ขนส่งจังหวัดขอนแก่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นำกระเช้าจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เข้าเยี่ยมและมอบให้กับผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์ไฟไหม้รถทัวร์เมื่อกลางดึกที่ผ่านมาในพื้นที่ อ.บ้านแฮด จ.ขอนแก่น จนมีผู้เสียชีวิต 5 ราย และบาดเจ็บอีก 12 ราย ซึ่งผู้บาดเจ็บรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลสิรินทร 3 ราย ถูกไฟไหม้ที่แขน ใบหน้า และใบหู อาการโดยรวมอยู่ในขั้นปลอดภัยเฝ้าระวังแผลติดเชื้อ พร้อมทั้งพูดคุยและให้กำลังใจกับผู้บาดเจ็บและครอบครัวด้วย พร้อมทั้งยืนยันให้การช่วยเหลือทุกครอบครัวตามสิทธิเต็มที่
นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า ในวันนี้ทาง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เมื่อทราบข่าวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้กำชับลงมายังพื้นที่ให้มีการตรวจสอบช่วยเหลือเยียวยาผู้เสียชีวิตรวมทั้งครอบครัวและผู้บาดเจ็บทุกราย ซึ่งทาง คปภ.และบริษัทประกันภัยรวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีการประชุมร่วมกัน และสรุปค่าเยียวยาให้กับผู้บาดเจ็บสาหัส และเสียชีวิต รายละ 1.1 ล้านบาทตามสิทธิที่จะได้รับจากประกันภัย และพ.ร.บ.รถยนต์ โดยทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องขณะนี้ทราบชื่อผู้เสียชีวิตแล้ว 1 ราย คือ นางสาวสุกัญญา เกตุหอม อายุ 20 ปี ชาว อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร ส่วนที่เหลืออีก 4 รายยังไม่ทราบชื่อ อายุ และที่อยู่ อยู่ระหว่างการตรวจอัตลักษณ์บุคคล ที่โรงพยาบาลศรีนครินทร์
...
ส่วนผู้บาดเจ็บมีทั้งหมด 12 ราย ยังพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลสิรินทร ส่วนหนึ่ง และที่โรงพยาบาลขอนแก่นอีกส่วนหนึ่ง ซึ่งในทางคดีขณะนี้ทราบว่าได้มีการแจ้งข้อหากับพนักงานขับรถแล้ว และทราบรายชื่อผู้โดยสารทั้งหมดแล้ว อยู่ระหว่างการตรวจสอบว่า ผู้เสียชีวิตเป็นใคร โดยจะต้องคัดแยกรายชื่อผู้บาดเจ็บและผู้ที่รอดจากเหตุการณ์ ก็จะเหลือรายชื่อของผู้เสียชีวิต เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่างๆ ในภาพรวมทั้งหมด
ขณะที่ นายปัญจพล ภาคสังข์ อายุ 19 ปี ชาว อ.เสาไห้ จ.สระบุรี ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า มาหาแม่ที่ จ.อุดรธานี ได้ 3 สัปดาห์ จึงได้ซื้อตั๋วกลับเพื่อไปลง จ.สระบุรี โดยขึ้นรถเที่ยว 3 ทุ่ม ที่ บขส.อุดรธานี ระหว่างทางก็นอนมากับรถ ก่อนรถจะแวะเติมแก๊สที่ จ.ขอนแก่น พร้อมกับพักรถ 20 นาที ก่อนจะขับออกมาเพื่อเดินทางต่อ กระทั่งได้ยินเสียงระเบิดขึ้น 1 ครั้งก็ทราบว่ารถน่าจะยางเกิดระเบิด แล้วก็เห็นไฟลุกขึ้นบริเวณด้านหลังและเห็นคนรีบลงจากรถ ตนเองจึงรีบลงมาจากชั้นสองและวิ่งออกไปได้ทัน ซึ่งในช่วงที่วิ่งลงมาชั้น 1 นั้นทุกคนต่างเบียดเสียดกันบางคนล้มบ้าง และมีเสียงระเบิดดังขึ้นอีก 1 ครั้ง ตนเองพอมาถึงชั้นหนึ่งก็ได้กลิ่นแก๊สลอยเข้าคอจนเกือบจะหมดสติ พูดไม่ออกและพยายามพุ่งออกไปข้างหน้าจนถึงทางออกได้สำเร็จ และวิ่งเข้าไปในป่าแล้วก็ได้ยินเสียงระเบิดขึ้นอีกครั้ง รวมเป็น 3 ครั้ง ก่อนที่จะมีเจ้าหน้าที่มาช่วยเหลือนำส่งโรงพยาบาลและแจ้งแม่ให้ทราบและแม่ก็เดินทางมาหาที่โรงพยาบาล
ขณะที่ผู้บาดเจ็บอีกราย ชาว จ.สกลนคร กล่าวว่า เดินทางมากับแฟน จะไปหาสมัครงานที่ กทม.ตอนเกิดเหตุนั้นตนเองและแฟนพยายามออกจากรถเพื่อเอาตัวรอด โดยนั่งอยู่บริเวณเบาะช่วงกลางทำให้ใกล้กับประตูทางออก แต่ในช่วงนั้นมีการระเบิดและมีไฟลุกลามไหม้แขนตนเอง ส่วนแฟนโดนที่แขนและขารักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลขอนแก่น
พร้อมกันนี้ผู้สื่อข่าวยังได้เดินทางไปที่ห้องเก็บศพ รพ.ศรีนครินทร์ ซึ่งยังไม่มีญาติของผู้เสียชีวิตมาติดต่อรับศพหรือแสดงตัวเป็นญาติแต่อย่างใด ซึ่งตามขั้นตอนหากมีญาติผู้เสียชีวิตมาติดต่อรับศพก็จะทำการตรวจดีเอ็นเอของญาติและผู้เสียชีวิตเพื่อส่งมอบศพกลับไปประกอบพิธีทางศาสนาที่บ้านเกิดต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า รถทัวร์คันดังกล่าว ทำประกันภัยกับบริษัทวิริยะประกันภัย วงเงิน 1.5 ล้านบาท พ.ร.บ.รถยนต์ 5 แสนบาท ประกันภัยชั้น 1 5 แสนบาท และประกันภัยผู้โดยสารที่นั่งละ 1 แสนบาท
ส่วนสาเหตุจากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่กรมการขนส่งฯ คาดว่ามาจากกรณีที่รถคันดังกล่าวใช้แก๊ส NGV เมื่อเกิดความร้อนแก๊สจะหารูออกอัตโนมัติ ลอยขึ้นสู่อากาศด้านบน ซึ่งเป็นการทำงานของระบบแก๊ส NGV ทำให้แก๊สฟุ้งกระจายในรถ ซึ่งต่างจากแก๊ส LPG ถ้าโดนความร้อนจะระเบิด และในรถทัวร์คันดังกล่าวพบว่ามีรถจักรยานยนต์อยู่ในรถบริเวณด้านหลังด้วย ทำให้น้ำมันเบนซินซึ่งเป็นเชื้อเพลิงอย่างดีเกิดระเบิดขึ้น และเกิดไฟไหม้อย่างรุนแรงและรวดเร็วดังกล่าว ส่วนผลสรุปสาเหตุที่แท้จริงนั้นจะต้องรอหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง จึงจะสามารถสรุปสาเหตุได้