ตำรวจคุม "ไอ้ซีเกมส์" มือปืนโหดยิง 2 ศพ ทำแผนฆ่า เจ้าตัวเปิดปากสารภาพยิง นร.ม.5 เพื่อปิดปาก แค้นเคยถูกฝ่ายคนตายไล่ยิงมาก่อน ด้านญาติ 2 คนตาย บุกฮือล้อมโรงพัก ขอดูหน้ามือปืน พร้อมเรียกร้องให้ประหารชีวิต
เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 3 เม.ย.64 พล.ต.ต.พุฒิพงษ์ มุสิกูล ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น พ.ต.อ.ชลิต มรกตศรีวรรณ ผกก.สภ.โคกโพธิ์ไชย และเจ้าหน้าที่เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน คุมตัว นายแมนพงษ์ ชำนิงาน หรือซีเกมส์ อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 47 ม.8 บ้านโคก ต.บ้านโคก อ.โคกโพธิ์ไชย จ.ขอนแก่น ผู้ต้องหาในคดีฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ในจุดเกิดเหตุ โดยจุดแรกที่ร้านหมูกระทะ ห่างจากจุดยิงคนตายประมาณ 300 เมตร ซึ่งจุดดังกล่าว เป็นจุดที่มือปืนพาภรรยานั่งกินหมูกระทะ และเป็นจุดที่มือปืนเห็นคู่อริหรือผู้ตายทั้ง 2 คน เดินมานั่งกินหมูกระทะด้วยเช่นกัน เมื่อคู่อริกินเสร็จก็ขับขี่รถจักรยานยนต์ออกจากร้านไป มือปืนจึงบอกภรรยาว่าให้กินหมูกระทะรอจะออกไปทำธุระ จากนั้นก็ขับขี่รถจักรยานยนต์ออกจากร้าน
จากนั้นทำแผนในจุดที่ 2 ซึ่งเป็นจุดที่มือปืน จอดรถจักรยานยนต์ไว้ในซอยข้างบ้านนายเต๋า จากนั้นเดินลัดเลาะในป่ากล้วย ลัดเลาะออกไปยังบ้านเลขที่ 266 บ้านโคก ม.8 ระยะทางประมาณ 100 เมตร ซึ่งเป็นจุดที่ นายเต๋า นั่งคุยกับนายท้อปและนายแฟ้ม เมื่อเดินไปถึงบ้านหลังดังกล่าว เห็นนายท้อปนอนอยู่ในเปล นายเต๋าและนายแฟ้มนั่งที่พื้นที่ เมื่อนายท้อปเห็น จึงควักปืนที่เอวออกมา แต่ยังไม่ได้ยิง จึงลงมือยิงนายท้อปไป 1 นัดถูกที่ขา และนายท้อปก็วิ่งหนีไปก่อน จึงตัดสินใจยิงปิดปากนายแฟ้ม เพื่อนนายท้อป 2 นัด ที่หน้าผากและอก จนตายคาที่
...
จากนั้นไปทำแผนยังจุดที่ 3 ซึ่งเป็นจุดที่วิ่งไล่ตามไปยิงนายท้อปที่ป่าหลังบ้านของชาวบ้าน ซึ่งห่างจากจุดที่ยิงนายแฟ้มประมาณ 150 เมตร โดยลงมือยิงที่ศีรษะนายท้อปจำนวน 2 นัด จากนั้นก็วิ่งหลบหนีไปโดยไม่ได้กลับไปเอารถจักรยานยนต์คันที่จอดอยู่แต่อย่างใด เมื่อทำแผนเสร็จสิ้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รีบนำตัวกลับไปคุมขังที่ สภ.โคกโพธิ์ไชยทันที เนื่องจากมีกลุ่มญาติพี่น้องฝ่ายคนตายทั้ง 2 ศพ กว่า 200 คน เดินทางมาดูการทำแผน แต่ไม่ทัน จึงตามไปที่ สภ.โคกโพธิ์ไชย เพื่อขอดูหน้ามือปืน
และในช่วงการทำแผนผู้สื่อข่าวได้สอบถามกับมือปืน ถึงสาเหตุที่ยิงคนตาย 2 ศพในครั้งนี้ มือปืนตอบว่า ยิงเพราะฝ่ายคนตายเคยไล่ยิงมาก่อน และในความจริงแล้วการมาเจอคู่อริในครั้งนี้ เพื่อต้องการเคลียร์ปัญหาว่า การไล่ยิงในครั้งก่อนนั้น ยิงเพราะเรื่องใด แต่ยังไม่ได้ถาม ฝ่ายนายท้อปคนตาย ควักปืนออกมาก่อน จึงชิงลงมือก่อน เพราะไม่เช่นนั้น อาจจะเป็นตนคือคนที่ถูกยิงก็ได้ จากนั้นมือปืนก็ไม่ยอมพูดอะไรอีก โดยบอกว่าเหนื่อย
พล.ต.ต.พุฒิพงษ์ มุสิกูล ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น กล่าวถึงการนำตัวผู้ต้องหาทำแผนประกอบคำรับสารภพในครั้วงนี้ว่า เนื่องจากเมื่อคืนวันที่ 2 เมษายน ที่ผ่านมา ผู้ต้องหาเดินทางเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.โคกโพธิ์ไชย และในการสอบสวน ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า เป็นคนใช้อาวุธปืนขนาด 9 มม.ยิงผู้ตายทั้ง 2 คนจริง สาเหตุมาจากการที่มือปืนเคยถูกฝ่ายนายท้อป ทำร้ายร่างกายและยิงขณะไปเที่ยวงานบุญ เมื่อประมาณ 2 อาทิตย์ที่ผ่านมา จึงมีความแค้น และต้องการแก้แค้น กระทั่งขณะนั่งกินหมูกระทะเห็นคู่อริมากินที่ร้านเดียวกัน จึงให้ภรรยานั่งรอที่ร้าน ส่วนมือปืนกลับไปเอาปืนที่บ้าน และกลับมาก่อเหตุดังกล่าว
ซึ่งจากคำรับสารภาพของผู้ต้องหา ทราบว่า ต้องการยิงนายท้อปเพียงคนเดียว แต่ช่วงเกิดเหตุนายท้อปเดินทางมากับนายแฟ้ม จึงยิงนายแฟ้มปิดปาก ส่วนนายเต๋านั้น มือปืนให้การว่าเป็นน้องรัก และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าว หลังเกิดเหตุมือปืนให้การอีกว่า ยังไม่พบและไม่มีการติดต่อกัน
ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น กล่าวอีกว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมือปืนรับสารภาพว่าลงมือทำเพียงคนเดียว เพราะความแค้นที่เคยถูกฝ่ายคนตายรังแกมาก่อน แต่ด้วยเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น ต้องมีการสืบสวนต่ออีกว่า หลัวจากนายท้อปนายแฟ้มกินหมูกระทะแล้ว ทำไมจึงมาที่บ้านหลังเกิดเหตุ มีใครนัดมาหรือไม่ ซึ่งต้องมีการสืบสวนต่อ โดยขณะนี้ นายเต๋า หรือผู้ต้องสงสัยที่เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องการตัวนั้นได้มีการประสานมาแล้วว่าจะเข้าให้การกับพนักงานสอบสวน ซึ่งจะต้องสอบสวนนายเต๋าว่า ด้วยสาเหตุใดคนตายทั้ง 2 คน จึงมาอยู่ในจุดดังกล่าว และกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นายเต๋า รู้เห็นอะไรบ้าง ฉะนั้น เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง นายเต๋า ต้องเข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยเร็วที่สุด รวมถึงต้องตรวจสอบปลอกกระสุนอย่างละเอียดอีกว่า ปืนที่ใช้ก่อเหตุนั้นมีกี่กระบอก
...
ขณะที่นางลัดดาวัลย์ เบอทา อายุ 53 ปี มารดาของนายเต๋า กล่าวว่า เมื่อทราบว่ามือปืนเข้ามอบตัวก็สบายใจ เพราะได้รู้ความจริงว่าลูกชายไม่ได้ฆ่าคนตาย และเสียใจกับครอบครัวผู้ตายทั้งสองคนด้วย และทราบจากลูกสาวว่า นายเต๋า โทรมาหาแล้ว โดยบอกว่าผู้บังคับบัญชาจะพาเข้าพบตำรวจสภ.โคกโพธิ์ไชยในเร็วๆ นี้ เพื่อจะมาให้ปากคำกับเหตุการณ์ดังกล่าว ซึ่งเมื่อทราบว่า ลูกชายยังสบายดี และยังจะมาพบตำรวจก็รู้สึกโล่งใจ เพราะโดยส่วนตัวก็คิดไว้ว่าลูกชายไม่ใช่คนจิตใจโหดเหี้ยมที่จะฆ่าคนได้
ด้าน นางจำเนียร หน่วงแก้ว อายุ 42 ปี มารดาของนายท้อป ซึ่งเดินทางมาพร้อมเพื่อนบ้านนับร้อย เพื่อมาดูหน้ามือปืนและดูการทำแผน แต่ไม่ทัน เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจทำแผนเสร็จเรียบร้อยแล้ว และนำตัวมือปืนคุมขังแล้ว โดยนางจำเนียร กล่าวว่า เสียใจกับการตายของลูกชาย โดยส่วนตัวเชื่อว่า ชีวิตวัยรุ่นมีบ้างที่จะมีเหตุทะเลาะวิวาท แต่ไม่เคยคิดว่าจะมีการฆ่ากันตายเช่นนี้ และไม่เคยคิดว่า ลูกชายจะมาถูกยิงตาย ในสภาพโหดเหี้ยม เพราะมือปืนไล่ตามไปยิง จึงขอเรียกร้องให้กฎหมายตัดสินประหารชีวิตกับมือปืน ขอให้ชีวิตลูกชายแลกกับชีวิตของมือปืนตายไปจากโลกนี้
...
ในส่วนของนางเนตรภัทร์ ดราซี่ อายุ 54 ปี ยายของน้องแฟ้ม นักเรียนชั้น ม.5 ที่ถูกยิงตายในครั้งนี้ เดินทางมาพร้อมมารดาและญาติพี่น้องของน้องแฟ้มกว่า 100 คน กล่าวว่า พากันมาดูหน้ามือปืน และมาพบตำรวจ เพื่อสอบถามในด้านของการช่วยเหลือเด็กนักเรียนที่ยังเป็นเยาวชน ที่ไม่มีเรื่องกับมือปืนหรือกับใคร แต่ต้องมาถูกยิงตายในครั้งนี้ อยากทราบว่า ทางราชการมีหน่วยงานใด จะมาให้การช่วยเหลือบ้าง ซึ่งขณะนี้ได้พูดคุยกับผกก.สภ.โคกโพธิ์ไชยแล้ว และเข้าใจแล้วว่ามีหน่วยงานมาช่วยเหลือ ซึ่งหลังพิธีฌาปนกิจศพน้องแฟ้มแล้วจะมาติดต่อกับ ผกก.สภ.โคกโพธิ์ไชยอีกครั้ง เพื่อประสานกับหน่วยงานดังกล่าว เนื่องจากวันเกิดเหตุนั้น นายท้อปมาขอยืมรถจักรยานยนต์จากน้องแฟ้ม เพื่อมาหาเพื่อนที่บ้านโคก แต่น้องท้อปบอกว่าไม่ต้องยืมจะขี่ไปส่งเอง แต่เมื่อหลานชายมาส่งเพื่อน ก็ถูกมือปืนยิงตายคาที่ ก็ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมีการดำเนินการตามกฎหมายด้วยข้อหาที่สูงสุด