ชาวญี่ปุ่นที่มาอยู่ในวัยเกษียณ ร้องสื่อโดนสาวไทยหลอกให้ลงทุนธุรกิจต่อวีซ่า สุดท้ายปิดบริษัทหนี เผยมีเหยื่อรวมกว่า 20 คน สูญเงินไปเกือบ 30 ล้านบาท สลดลุงวัย 69 โดนโกงไปจนไม่มีเงินรักษามะเร็ง

เมื่อวันที่ 12 มี.ค.64 กลุ่มชาวญี่ปุ่นที่อาศัยอยู่ในจังหวัดเชียงใหม่ รวมตัวร้องเรียนกับสื่อมวลชน ขอให้เผยแพร่ข่าวช่วยตามหาตัวนางสาววรินทร ทรัพย์รชา หรือ หนึ่ง อายุ 44 ปี พร้อมกับแฟนหนุ่มชาวญี่ปุ่น ที่ร่วมกันหลอกลวงให้ร่วมลงทุนในธุรกิจท่องเที่ยวและวีซ่า จนมีชาวญี่ปุ่นและชาวสิงคโปร์หลงเชื่อ สูญเงินไปรวมแล้วกว่า 30 ล้านบาท ทำให้หลายคนต้องเดือดร้อนอย่างหนัก เพราะสิ้นเนื้อประดาตัว ต้องใช้ชีวิตด้วยความยากลำบาก

นายฮิโรอาคิ โอคาเบะ อายุ 61 ปี กล่าวว่า ตนเองได้มาพำนักระยะยาวในวัยเกษียณที่จังหวัดเชียงใหม่มานานกว่า 10 ปี ต้นปี 2562 นางสาววรินทรและแฟนหนุ่มชาวญี่ปุ่นที่เปิดบริษัทชื่อ L.C.M.T หรือ โลโคโมชั่นทัวร์ ใน อ.เมืองเชียงใหม่ ซึ่งอ้างว่าดำเนินกิจการเกี่ยวกับจัดทัวร์และให้บริการต่อวีซ่าให้กับชาวต่างชาติ ได้มาชักชวนให้ตนเองและกลุ่มเพื่อนชาวญี่ปุ่นในจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมลงทุนกับบริษัท โดยในเดือน ก.พ.2562 นางสาววรินทรบอกว่าทางบริษัทได้รับอนุมติให้จัดกิจกรรมงานยี่เป็งที่ อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ วันที่ 11 และ 12 พฤศจิกายน 2562 พร้อมชักชวนให้ร่วมลงทุนและจะให้ผลตอบแทนร้อยละ 30 ด้วยความที่เห็นมีที่ตั้งบริษัทเป็นหลักแหล่ง มีแฟนเป็นคนญี่ปุ่น และนางสาววรินทรยังถือสัญชาติญี่ปุ่นเป็นสัญชาติที่สอง จึงเชื่อใจ ร่วมลงทุนไป 1 ล้านบาท

ต่อมาระหว่างที่รอจัดงานยี่เป็ง นางสาววรินทรยังได้ชักชวนให้ลงทุนในธุรกิจต่อวีซ่าให้กับชาวญี่ปุ่น อ้างว่าจะนำเงินไปการันตีเพื่อต่อวีซ่าให้กับชาวญี่ปุ่น ตามเงื่อนไขที่จะต้องมีเงินการันตีคนละ 8 แสนบาท โดยบอกว่ามีชาวญี่ปุ่นหลายคนที่มีเงินไม่พอและต้องต่อวีซ่า หากร่วมลงทุนจะได้ค่าตอบแทนจากการเช่าเงินร้อยละ 5-10 ของเงินที่ลงทุน ตนเองจึงทยอยโอนเงินให้เดือนละครั้ง ครั้งละหลายแสนบาท ครั้งล่าสุดเดือนตุลาคม 2563 โดยระหว่างที่ลงทุน ในช่วงแรกได้รับเงินผลตอบแทน แต่ช่วงหลังก็เงียบหายไป อ้างว่าเงินอยู่ในระยะเวลาการันตี ยังไม่สามารถถอนออกมาให้ได้

...

ต่อมาในเดือนพฤศจิกายน นางสาววรินทรขาดการติดต่อ จึงไปตามหาที่บริษัทกลับพบว่าปิดกิจการไปแล้ว ไปตามหาที่บ้านพักก็ย้ายออกไป จึงรู้ตัวว่าถูกหลอก เมื่อสอบถามกลุ่มเพื่อนชาวญี่ปุ่นก็พบว่ามีหลายคนถูกหลอกในลักษณะเดียวกัน ซึ่งทุกคนบอกตรงกันว่านางวรินทรห้ามไม่ให้เล่าเรื่องลงทุนให้กับคนอื่นได้ทราบ
นายฮิโรอาคิ บอกว่า ตนเองโอนเงินไปทั้งหมด 17 ครั้ง รวมเป็นเงิน 9.4 ล้านบาท ได้คืนมา 1.4 ล้านบาทเท่านั้น ส่วนเพื่อนชาวญี่ปุ่นคนอื่นๆ ลงทุนคนละหลายแสนถึงหลายล้านบาท รวมทั้งยังมีชาวสิงคโปร์อีกบางส่วน เบื้องต้นมูลค่าความเสียหายประมาณ 30 ล้านบาท

เรื่องที่เกิดขึ้นกลุ่มผู้เสียหาย 4 คน ได้รวมตัวเข้าแจ้งความที่ สภ.ช้างเผือก อ.เมืองเชียงใหม่ เมือปลายปี 2563 ก่อนที่ศาลจังหวัดเชียงใหม่จะออกหมายจับในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์ เมื่อวันที่ 1 ก.พ. 2564 แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังจับกุมตัวไม่ได้ จึงเข้าร้องขอความช่วยเหลือกับสื่อมวลชน ขอให้เผยแพร่ข่าวเพื่อให้ผู้ที่ทราบเบาะแสแจ้งข้อมูลเพื่อให้ตำรวจเข้าจับกุมซึ่งจะมีรางวัลให้จำนวนหนึ่ง

ขณะที่ นายคิโยโนริ ฮิราโอกะ อายุ 69 ปี หนึ่งในผู้เสียหายที่เสียเงินไปกว่า 8 แสนบาท เล่าว่า ต้องหมดเนื้อหมดตัวไม่มีเงินใช้จ่าย อีกทั้งตนเองยังเป็นโรคมะเร็ง ไม่มีเงินไปตรวจรักษาเพราถูกหลอกเอาเงินไปจนหมด ทำให้เครียดมานานหลายเดือน จึงอยากให้ตำรวจช่วยกับตัวมาโดยเร็ว เพื่อให้มาชดใช้เงินคืนให้กับพวกตนเอง.