
ตร.พร้อมรับม็อบ 6 มี.ค. จ่อขอศาลออกหมายจับ 3 มือเผาหน้าคลองเปรม
รอง ผบช.น. เผย ตร.อยู่ระหว่างขอศาลออกหมายจับ 3 บุคคลในกล้องวงจรปิดเผาทำลายทรัพย์สินราชการหน้าเรือนจำคลองเปรม มั่นใจมีพยานหลักฐานชัดเจนเอาผิด ส่วนม็อบ 6 มี.ค.นี้ มีการเตรียมกำลังแล้ว ยันมาตรการจะเป็นไปตามสถานการณ์
เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 2 มี.ค.64 ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น. เปิดเผยความคืบหน้าในการดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุวางเพลิงเผาพระบรมฉายาลักษณ์ บริเวณด้านหน้าเรือนจำคลองเปรม เมื่อคืนวันที่ 27 ก.พ.ว่า ขณะนี้ตำรวจอยู่ระหว่างการนำพยานหลักฐานเป็นภาพจากกล้องวงจรปิดและวัตถุพยานต่างๆ ไปที่ศาลอาญา เพื่อขออำนาจศาลออกหมายจับผู้ก่อเหตุทั้ง 3 คนแล้ว โดยหนึ่งในนั้นเป็นนักเคลื่อนไหวทางการเมือง หากได้หมายจับแล้วชุดสืบสวนจะไปนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 คนมาดำเนินคดีตามขั้นตอนทันที หากอยู่ในโรงพยาบาลทางเจ้าหน้าที่สามารถอายัดตัวได้ ยืนยันว่าคดีดังกล่าวตำรวจมีพยานหลักฐานที่ชัดเจนทั้งภาพจากกล้องวงจรปิดในช่วงก่อนเกิดเหตุ ขณะก่อเหตุ หลังจากเกิดเหตุ และเส้นทางที่หลบหนี
ข่าวแนะนำ
พล.ต.ต.ปิยะ เผยว่า ส่วนความคืบหน้าในการดำเนินคดีกับผู้ที่ก่อเหตุความรุนแรงที่บริเวณถนนวิภาวดีรังสิต และที่ สน.ดินแดง เมื่อวันที่ 28 ก.พ.ที่ผ่านมา นั้น ขณะนี้ตำรวจอยู่ระหว่างการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด วัตถุพยานในที่เกิดเหตุ และสอบปากคำพยานแวดล้อมในที่เกิดเหตุทั้งหมด เพื่อพิสูจน์ทราบตัวบุคคลที่ก่อความรุนแรงทั้ง 2 จุด ขณะนี้พบว่ามีกลุ่มบุคคลที่อยู่ในข่ายที่ต้องตรวจพิสูจน์ตัวบุคคลจำนวนหนึ่ง เชื่อว่าเป็นกลุ่มที่เคยชุมนุมมาแล้วเพียงแต่เปลี่ยนชื่อกลุ่มเท่านั้น ถ้าสามารถระบุบุคคลใดได้ชัดเจนแล้ว พนักงานสอบสวนจะนำพยานหลักฐานทั้งหมดไปขอศาลออกหมายจับทันที ความผิดที่เข้าข่ายมีทั้งความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.ร.บ.ควบคุมโรคติดต่อ และความผิดตามกฎหมายอาญา เรื่องการก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง และการใช้อาวุธทำร้ายเจ้าพนักงาน ซึ่งคาดว่าต้องใช้เวลาในการตรวจสอบอีกสักระยะหนึ่ง
รอง ผบช.น. เปิดเผยด้วยว่า สำหรับเรื่องของแกนนำการชุมนุมในวันดังกล่าว ถึงแม้ผู้ชุมนุมจะอ้างว่าไม่มีแกนนำ แต่จากการสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่พบว่ามีการนัดหมายปลุกระดมและสั่งการให้ผู้ชุมนุมเข้าร่วมการชุมนุม ปลุกเร้า ยุยงให้ก่อเหตุในลักษณะต่างๆ ซึ่งอาจเข้าข่ายลักษณะการเป็นแกนนำการชุมนุมได้ โดยตำรวจอยู่ระหว่างการตรวจสอบพฤติการณ์ว่าเข้าข่ายความผิดใดและบุคคลเหล่านั้นมีใครบ้าง ส่วนกรณีที่บางกลุ่มพยายามสร้างข่าวเฟกนิวส์ อ้างว่าตำรวจใช้แก๊สน้ำตา แต่ความเป็นจริงคือกลุ่มผู้ชุมนุมใช้เครื่องพ่นควันนั้น หลังจากนี้จะส่งเรื่องให้ตำรวจกองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ปอท.ดำเนินการต่อไป
พล.ต.ต.ปิยะ เปิดเผยอีกว่า กรณีที่มีชายยืนปัสสาวะบนตู้คอนเทนเนอร์ โดยด้านล่างเป็นเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชน หากเปรียบเทียบกับประเทศอื่น เจ้าหน้าที่คงไม่อดทนอดกลั้นขนาดนี้ เราคงต้องมีการพิสูจน์ทราบว่าเป็นใคร ชายคนดังกล่าวจะมีความผิดในข้อหาดูถูกเหยียดหยามเจ้าหน้าที่.