***แฟ้มภาพ***

ศาลฎีกายกฟ้องชายชุดดำ คดีปะทะแยกคอกวัว เมื่อวันที่ 10 เม.ย. 2553 ชี้พยานโจทก์ยังมีข้อสงสัย ให้ยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้แก่จำเลย...

เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 16 ก.พ.2564 ที่ศาลอาญา ศาลอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ คดีหมายเลขดำ อ.4022/2557 ที่พนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 1 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายกิตติศักดิ์ หรืออ้วน สุ่มศรี, นายปรีชา หรือไก่เตี้ย อยู่เย็น นายรณฤทธิ์ หรือนะ สุริชา, นายชำนาญ หรือเล็ก ภาคีฉายและนางปุนิกา หรืออร ชูศรี เป็นจำเลยที่ 1-5 ในความผิดฐานร่วมกันมีอาวุธ ปืนสงครามโดยไม่ได้รับอนุญาต

คำฟ้องบรรยายว่า เมื่อวันที่ 10 เม.ย. 2553 จำเลยทั้ง 5 กับพวกที่ยังหลบหนี และพวกที่ถึงแก่ความตายไปแล้ว โดยร่วมกันนำ เครื่องยิงลูกระเบิด เอ็ม 79 ปืนเอ็ม 16 ปืนเอชเค 33 ปืนเอเค 47 หรือ ปืนอาก้า ซึ่งนายทะเบียนจะออกใบอนุญาตให้ไม่ได้ไปตามบริเวณแยกคอกวัว ถนนตะนาว ถนนประชาธิปไตย แขวงบวรนิเวศ เขตพระนคร กทม. ซึ่งเป็นเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์ ทั้งในเวลาเกิดเหตุมีการชุมนุมกันของประชาชนจำนวนมาก ซึ่งวัน เวลาเกิดเหตุ เจ้าพนักงานยึดได้อาวุธสงครามของกลาง กระทั่งวันที่ 11 ก.ย. 2557 เจ้าพนักงานติดตามจับกุมพวกจำเลยทั้ง 5 ส่งพนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ ดำเนินคดี

คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 31 ม.ค. 2560 พิพากษาว่า นายกิตติศักดิ์ จำเลยที่ 1 และนายปรีชา จำเลยที่ 2 มีความผิดฐานร่วมกันมีอาวุธสงครามให้จำคุกคนละ 8 ปี และฐานพาอาวุธปืน จำคุกคนละ 2 ปี รวมจำคุกคนละ 10 ปี ส่วนจำเลยที่ 3-5 พิพากษายกฟ้อง

ต่อมาศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 26 ก.พ. 2563 ให้พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น จำคุกจำเลยที่ 1-2 คนละ 10 ปี ยกฟ้องจำเลยที่ 3-5 แต่ให้ขังไว้ระหว่างฎีกา

...

โดยวันนี้ ศาลอ่านคำพิพากษาผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ไปยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ให้นายกิตติศักดิ์ จำเลยที่ 1 ฟังคำพิพากษาศาลฎีกา ส่วนจำเลยอื่นไม่ได้ยื่นฎีกา

คำพิพากษาศาลฎีกาได้บรรยายพิเคราะห์พยานหลักฐานที่โจทก์จำเลยนำสืบโดยละเอียด บางส่วนของคำพิพากษาอธิบายถึงบันทึกถ้อยคำให้การ ซึ่งมีลักษณะลอกเลียนกันมาเกือบเหมือนกันทุกถ้อยคำ ขณะที่อีกส่วนหนึ่งบรรยายถึงพยานโจทก์ที่ระบุเห็นผู้ตะโกนด่าพยานจากรถตู้เป็นจำเลยที่ 1 ซึ่งปกติความสามารถในการจดจำบุคคลจะลดน้อยลงเมื่อเวลาผ่านไป แต่พยานเบิกความในคดีไต่สวนการตายของนายฮิโรยูกิ มูราโมโตะ พยานกลับจำตำหนิรูปพรรณของชายบนรถตู้ไม่ได้ ต่างกับที่เบิกความว่าเป็นจำเลยที่ 1 จึงมีน้ำหนักน้อย

พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมาจึงมีความสงสัยตามสมควร ว่าจำเลยที่ 1 ร่วมกับจำเลยที่ 2 กระทำความผิดหรือไม่ ให้ยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้แก่จำเลยที่ 1 ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาลงโทษจำเลยนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยที่ 1 ฟังขึ้น พิพากษากลับให้ยกฟ้อง ให้ศาลอาญาออกหมายปล่อย.