กองปราบพร้อมตำรวจชัยภูมิบุกจับผู้ทุจริตโครงการเราเที่ยวด้วยกัน ที่เป็นผู้ประกอบการที่พัก และร้านค้าเป้าหมาย 41 จุด จับได้ 36 ราย โดยพบว่ามีเข้าข่ายทุจริตรวมกว่า 9 พันราย ส่งเข้า กทม.ดำเนินคดี
เมื่อวันที่ 27 ม.ค.2564 พ.ต.อ.มนตรี เทศขัน รอง ผบก.ป.(รรท.ผบก.ป.) พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.วิวัฒน์ จิตโสภากุล ผกก.3 บก.ป. พ.ต.อ.วิระชาญ ขุนไชยแก้ว ผกก.5 บก.ป. พ.ต.อ.วิจักขณ์ ตารมย์ ผกก.สสน.บก.ป. ร่วมกับชุดสืบ ภ.จังหวัดชัยภูมิ นำกำลังจนท.กว่า 100 นาย กระจายกำลังปฏิบัติการกวาดล้างจับกุมผู้กระทำผิดทุจริตโครงการเราเที่ยวด้วยกัน โดยเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายจำนวน 55 จุด ในพื้นที่ จ.ชัยภูมิ แบ่งเป็นเป้าหมายในพื้นที่ จ.ชัยภูมิ 41 จุด ที่มีพฤติกรรมต้องสงสัยทุจริต ฉ้อโกงเงินของรัฐจากโครงการ "เราเที่ยวด้วยกัน" ซึ่งเป็นโครงการที่ภาครัฐที่จัดทำขึ้นมาเพื่อกระตุ้นและฟื้นฟูเศรษฐกิจในช่วงไวรัสโควิด-19
ที่ผ่านมาพบผู้ประกอบการโรงแรม และร้านค้า ที่มีพฤติกรรมทุจริตในโครงการเราเที่ยวด้วยกัน และ โครงการคนละครึ่ง ภายในจังหวัดชัยภูมิ ทั้งหมดสูงถึง 9 พันกว่าราย โดยเป้าหมายทั้งหมด 41 จุด สามารถจับกุมได้ 36 ราย ส่วนผู้ที่ทุจริตที่ขายสิทธิ์ทั้งหมด 9 พันกว่าราย เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถจับกุมได้
...
จ.ชัยภูมิ พบโรงแรมกระทำความผิดเปิดแอปพลิเคชันถุงเงิน เพื่อให้ประชาชนได้มาใช้สิทธิ์ อันที่สองประชาชนผู้ใช้สิทธิ์ ประชาชนเข้าไปใช้ในแอปพลิเคชันเป๋าตัง เพื่อนำมาใช้กับแอปฯถุงเงิน ในสถานที่ท่องเที่ยวที่ทุจริต ซึ่งเป็นแหล่งรองรับคูปองหรือส่วนลดดังกล่าว โดยประชาชนที่เข้ามาใช้แอปฯดังกล่าวสามารถใช้จ่ายเงินได้กว่า 9,000 บาทต่อคน ประชาชนได้สิทธิ์ 9,000 บาทโดยไม่ต้องเข้าพักเอง ประชาชนจึงได้กิฟต์วอชเชอร์จากทางโรงแรมไปใช้ 5,000 บาท โดยจะแบ่งกับทางโรงแรม โดยโรงแรมจะได้ 4,000 บาท คนที่เริ่มต้นใช้สิทธิ์ก็เชิญชวนคนที่รู้จักมาทำในลักษณะนี้เป็นจำนวนมาก ซึ่งทำให้เกิดความเสียหายภายในพื้นที่ และเกิดการกระทำดังกล่าวสูงกว่า 9 พันราย ในพื้นที่จังหวัดชัยภูมิ
จนกระทั่งพบว่า ผู้ประกอบการเหล่านี้มีการกระทำผิดโดยการอาศัยช่องว่างทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ จึงรวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลออกหมายค้นและหมายจับผู้กระทำผิด ในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกง ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น ใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบ ในประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น หรือประชาชน และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ด้วยข้อมูลอันเป็นเท็จ ในประการที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อเศรษฐกิจของประเทศ” จนนำไปสู่การเปิดปฏิบัติการดังกล่าว
นอกจากนั้นยังพบชาวบ้านผู้ว่างงานจากพิษโควิด-19 ได้หลงเชื่อเข้าร่วมกับขบวนการ โดยมีหญิงชาวบ้านรายหนึ่ง ในพื้นที่ ต.บุ้งคล้า อ.เมือง จ.ชัยภูมิ ได้เดินทางมารอพบกับลูก หลังจากที่ทราบว่าลูกสาวถูกตำรวจจับในข้อหาร่วมกับขบวนการฉ้อโกงโครงการเที่ยวทั่วไทย โดยบอกว่าหลังจากลูกสาวตกงานจากพิษโควิดในรอบแรก มาอยู่บ้านเฉยๆ ได้มีคนที่รู้จักกันได้ชักชวนให้ร่วมโครงการเที่ยวทั่วไทย โดยไม่ต้องทำอะไร เพียงแต่ขอสำเนาบัตรประชาชนเท่านั้น ก็จะได้เงินใช้ ลูกสาวตนเองหลงเชื่อ ได้มอบสำเนาบัตรให้กับคนที่รู้จัก และบอกว่าจะได้สิทธิ์ 9,000 บาท โดยไม่ต้องเข้าพักเอง ประชาชนจึงได้กิฟต์วอชเชอร์จากทางโรงแรมไปใช้ 5,000 บาท โดยจะแบ่งกับทางโรงแรม ผู้ที่นำบัตรประชาชนไป ได้ให้เงินครั้งแรกและครั้งเดียว 4,000 บาท ไม่นึกว่าลูกสาวจะถูกจับไปด้วย ซึ่งได้แต่ก้มหน้ารับกรรม ต้องเลี้ยงหลานวัย 2 เดือนที่ลูกสาวหลงเชื่อเข้าร่วมขบวนการโกงเงินโครงการเที่ยวทั่วไทย
...
ล่าสุด เมื่อช่วงเย็นวันที่ 27 ม.ค.ที่ผ่านมา พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. หัวหน้าคณะชุดสอบสวนโครงการทุจริตเราเที่ยวด้วยกัน เปิดเผยว่า จากการระดมจับกุมผู้ต้องหาทุจริตของเจ้าหน้าที่กองปราบปราม จุดหลักใน 2 จังหวัด ได้แก่ ชัยภูมิ และภูเก็ต เมื่อเช้านี้สามารถจับกุมได้ทั้งสิ้น 50 ราย หลังจากนี้จะควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมดเข้ามาที่กองบังคับการปราบปราม โดยได้จัดรถบัสของกองปราบนำผู้ต้องหาคดีทุจริตเราเที่ยวด้วยกันเข้ามายังกองปราบปราม เพื่อสอบปากคำดำเนินคดี จากนั้นคณะพนักงานสอบสวนจะเริ่มสอบปากคำทั้งหมดในวันพรุ่งนี้อีกครั้ง.