เสี่ยแพรนอนคุก ตำรวจแจ้งข้อหาเพิ่ม ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นฯ ด้านยาย และแม่น้องมายด์ กังวล เกรงรังควานครอบครัว ขณะที่น้องมายด์หน้าพังขาดรายได้ ตร.เร่งขยายผลสอบสวนลูกหนี้อีก 6 ราย

เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 16 ธันวาคม 2563 ที่ สภ.เมืองขอนแก่น นางบุญมี (สงวนนามสกุล) อายุ 60 ปี ยายของน้องมายด์ อายุ 19 ปี และนางสาวระพีพรรณ (สงวนนามสกุล) อายุ 40 ปี มารดาของน้องมายด์พร้อมน้องมายด์ เดินทางเข้าให้ปากคำกับคณะพนักงานสอบสวน สภ.เมืองขอนแก่น ในคดีที่ถูก นายธเนศ เปล่งขำ หรือแพร อายุ 42 ปี ทวงหนี้แล้วทำร้ายร่างกายน้องมายด์ ที่สนามฟุตบอลหญ้าเทียม ในชุมชนหลังสนามกีฬา ในเมืองขอนแก่น เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2563 ที่ผ่านมา โดยที่น้องมายด์ยังอยู่ในสภาพใบหน้าซีกซ้ายมีรอยเขียวช้ำ เบ้าตาช้ำเลือด มือซ้ายกำไม่ได้ เพราะแขนและเส้นเอ็นช้ำ

ยายของน้องมายด์ กล่าวภายหลังเข้าพบพนักงานสอบสวนว่า ภายหลังจากทราบว่าหลานสาวถูกทวงหนี้และทำร้ายร่างกายก็ใจไม่ดี และเป็นห่วงหลานสาวมาก เพราะไม่เคยคิดว่าจะมีคนโหดเหี้ยมทำร้ายหลานสาวได้ขนาดนี้ แต่เมื่อรู้ว่าตำรวจมีการสืบสวนจับกุมตัวได้แล้วก็สบายใจ แต่ก็ยังวิตกกังวลว่าถ้าผู้ต้องหาประกันตัวออกมาแล้วจะมารังควานหลานสาวและคนในครอบครัวอีกหรือไม่ ก็ภาวนาว่าอย่าเคียดแค้นต่อกัน หลานสาวเป็นหนี้ก็จะใช้หนี้คืน และไม่โกง ขอให้ต่างคนต่างอยู่

ด้านมารดาของน้องมายด์ กล่าวว่า ทราบว่าผู้ต้องหาถูกจับกุมก็สบายใจ แต่ถ้ามีการประกันตัวออกมา จะมาก่อกวนครอบครัวอีกหรือไม่ ซึ่งในจุดนี้ก็ต้องคอยดูกันไป ในส่วนของการที่ลูกสาวเป็นหนี้นั้น ก็ต้องขอโทษด้วย แต่ยังยืนยันว่าลูกสาวจะหาเงินมาคืนให้ตามที่เคยรับปากไว้ ขออย่างเดียวอย่ามารังควานหรือทำร้ายกันอีก และอยากให้คำนึงถึงความปลอดภัยในชีวิตของน้องมายด์ด้วยว่า เมื่อถูกทำร้ายเช่นนี้ หน้าตาพัง ทำงาน หาเงินไม่ได้ จึงกำลังหารือกันว่าจากที่ลูกสาวเคยทำงานได้เงินครั้งละ 300-500 บาท แต่ตอนนี้ไม่มีรายได้ ส่วนหนี้สินที่ค้างจ่ายนายแพรนั้น ยืนยันจะใช้คืน แล้วนายแพรจะรับผิดชอบในส่วนที่น้องมายด์ที่หน้าตาพัง ทำงานไม่ได้ สูญเสียรายได้หรือไม่ ซึ่งจะหารือกันในครอบครัวว่าการสูญเสียรายได้นี้จะสามารถเรียกร้องได้หรือไม่

...

ขณะที่ น้องมายด์ กล่าวว่า หลังเกิดเหตุตั้งแต่วันที่ 12 จนถึงขณะนี้ไม่สามารถนอนตะแคงข้างซ้ายได้ และกำมือข้างซ้ายไม่ได้เพราะแขนช้ำ ทั้งยังมีอาการเวียนศีรษะ คลื่นไส้อาเจียนบ่อยครั้ง ปวดหลัง นอนลำบาก แต่ก็ต้องมาให้ปากคำเพิ่มเติม เพื่อให้คดีสมบูรณ์ที่สุด โดยมีมารดาและยายมาให้ปากคำด้วย เพื่อสอบสวนเพิ่มเติม ส่วนการจับนายแพรนั้นทราบข่าวแล้ว และไม่คิดที่จะเจอหรือพูดคุย เพราะไม่มีอะไรต้องคุยกันอีก เนื่องจากเรื่องหนี้สินได้คุยไปแล้วว่าจะผ่อนคืนให้ และไม่โกง เพราะที่ผ่านมาได้ส่งชื่อที่อยู่ของให้นายแพร จนนายแพรตามมาทวงหนี้ถึงบ้าน และไม่เคยคิดหลบหนีหรือหนีหนี้ ฉะนั้นเมื่อเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นแล้วก็แบ่งเป็น 2 กรณี คือ การทำร้ายร่างกายนั้นเป็นหน้าที่ของตำรวจ ในการที่จะสอบสวนดำเนินการตามกฎหมาย ส่วนที่ 2 คือ เรื่องหนี้สิน ขอยืนยันว่าจะใช้หนี้คืน และอย่างมายุ่งเกี่ยวกับครอบครัวอีก ส่วนการขาดรายได้ที่เคยทำงานนั้น ก็อยู่ระหว่างการหารือกันในครอบครัวว่าจะมีการดำเนินการอย่างไร

ส่วน พ.ต.อ.ปรีชา เก่งสาริกิจ ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น กล่าวว่า ขณะนี้ได้คุมตัวนายแพรเรียบร้อยแล้ว และมีการฝากขังผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์กับศาลเรียบร้อยแล้ว ซึ่งขั้นตอนการประกันตัวนั้น ยังไม่ทราบว่ามีดำเนินการอย่างไรบ้าง ทางด้านตำรวจเหลือเพียงการควบคุมตัวนายแพรส่งคุมขังที่เรือนจำจังหวัดขอนแก่นแล้ว ในขณะที่ทีมพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำผู้เสียหายเพิ่มเติมแก่นายแพร โดยเพิ่มเติมในข้อหาร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเองหรือของผู้อื่น หรือโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้นหรือจำยอมต่อสิ่งนั้น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น กล่าวด้วยว่า โดยพนักงานสอบสวนได้เดินทางไปแจ้งข้อหาเพิ่มแก่ผู้ต้องหาที่เรือนจำกลางขอนแก่นเรียบร้อยแล้ว และผู้ต้องหาก็ให้การปฏิเสธข้อกล่าวหาอีก และได้มอบหมายให้ชุดสืบสวนทำการสืบสวนสอบสวนขยายผลไปยังลูกหนี้ของนายแพรอีก 5-6 คน ตามรายชื่อที่ตรวจสอบพบ เพื่อมาให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวน รวมถึงการติดตามตัวหญิงสาวในคลิป วันที่นายแพรก่อเหตุทำร้ายน้องมายด์ว่า มีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ ขอยืนยันว่าตำรวจจะทำการสอบสวนให้รอบคอบและชัดเจนสมบูรณ์ที่สุด เพื่อความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย.