ตำรวจขอนแก่นสอบปากคำ "เสี่ยแพร" นายทุนเงินกู้ตื้บโหดพีอาร์สาวทั้งคืน ยังปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา เบื้องต้นโดน 3 ข้อหาหนัก เตรียมขยายผลแชร์ลูกโซ่ พร้อมนำตัวส่งศาลฝากขัง และคัดค้านการประกันตัว

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 16 ธ.ค.63 ผู้สื่อข่าวได้ติดตามความคืบหน้า คดีที่ นายธเนศ เปล่งขำ หรือเสี่ยแพร อายุ 42 ปี เจ้าหนี้ซึ่งตามทวงหนี้น้องมายด์ที่จังหวัดขอนแก่น แต่ไม่ได้เงินคืน ด้วยความโมโหจึงบันดาลโทสะ ลงมือทำร้ายร่างกายน้องจนบาดเจ็บหน้าตาบวมปูด ทำงานไม่ได้

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐานขอศาลออกหมายจับ 3 ข้อหา คือ ทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ข้อหาให้บุคคลอื่นกู้ยืมเงินโดยเรียกดอกเบี้ยกินอัตราที่กฎหมายกำหนด ตาม พ.ร.บ.ห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ.2560 จำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 2 แสนบาท และข้อหา เป็นผู้ทวงถามหนี้กระทำการทวงถามหนี้ในลักษณะข่มขู่ ใช้ความรุนแรง หรือกระทำอื่นใดที่ทำให้เกิดความเสียหายแก่ร่างกายของลูกหนี้ ตาม พ.ร.บ.การทวงถามหนี้ พ.ศ.2558 โทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกินห้าแสนบาท ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองขอนแก่น ได้นำหมายจับศาลจังหวัดขอนแก่นเข้าจับกุมตัวนายแพร ได้เป็นที่เรียบร้อยที่ห้องพักภายในคอนโดพื้นที่เขตห้วยขวาง กทม. เมื่อวาน (15 ธ.ค.) และควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองขอนแก่น พร้อมค้านการประกันตัว

ล่าสุด พ.ต.อ.ปรีชา เก่งสาริกิจ ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น กล่าวถึงการสอบปากคำ เสี่ยแพร ผู้ต้องหาตลอดทั้งคืน แต่ยังไม่เรียบร้อย ซึ่งจะทำการสอบสวนเพิ่มเติม และคัดค้านการประกันตัวในชั้นพนักงานสอบสวน จากนั้นก็จะควบคุมตัวส่งศาลตามขั้นตอน

โดยเมื่อเจ้าหน้าที่แจ้งข้อกล่าวหา ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ฉะนั้นขณะนี้พนักงานสอบสวนจะทำการสอบปากคำเพิ่มเติมในบางประเด็น ซึ่งไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ เมื่อขั้นตอนการสอบสวนเสร็จสิ้นก็จะฝากขังผัดแรก ส่วนการที่ผู้ต้องหาให้การจะปฏิเสธในชั้นพนักงานสอบสวนนั้นก็เป็นสิทธิของตัวผู้ต้องหา ทุกอย่างว่ากันไปตามกระบวนการในชั้นศาล ตามพยานหลักฐาน ขอยืนยันจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

...

ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น ยังเปิดเผยถึงรายละเอียดก่อนที่จะมีการทำร้ายร่างกายน้องมายด์ในครั้งนี้ของนายแพรว่า ทั้ง 2 คน รู้จักกันทางเฟซบุ๊ก โดยมีเพื่อนแนะนำ กระทั่งสนิทสนมกัน น้องมายด์จึงได้มีการขอยืมเงินจำนวน 4 ครั้ง ในครั้งแรกเป็นเงิน 10,000 บาท ครั้งที่ 2 ยืมเงินจำนวน 20,000 บาท ครั้งที่ 3 จำนวน 40,000 บาท และครั้งสุดท้ายจำนวน 80,000 บาท โดยครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 น้องมายด์ได้ชดใช้หนี้คืนทั้งหมดแล้ว แต่ในรายละเอียดเชิงลึกเรื่องของดอกเบี้ยนั้นพบว่าเรียกอัตราดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด จึงได้มีการขอศาลออกหมายจับ และหลังจากออกหมายจับจากศาลแล้วก็ได้มีการส่งชุดสืบสวนลงพื้นที่เพื่อหาตัวผู้ต้องหาและจับกุมตัวได้ในห้องพักภายในคอนโดใน กทม. และคดีดังกล่าวประชาชนให้ความสนใจ และเป็นนโยบายของทางรัฐบาลในเรื่องของหนี้นอกระบบมีการเน้นย้ำมาโดยตลอด หากมีการกระทำผิดกฎหมายในเรื่องดังกล่าวให้ดำเนินการโดยทันที

ซึ่งการกู้ยืมนั้นเป็นลักษณะ เช่น ผู้เสียหายเมื่อเป็นลูกค้าแล้ว จะให้ไปหาลูกค้าเพิ่มเป็นทอดๆ และมาติดต่อผ่านเฟซบุ๊กตัวต่อตัวของนายทุน และมีการตกลงกันแล้วโอนเงินให้ ในส่วนของผู้ต้องหานั้นจากการตรวจสอบพบว่าโอนเงินให้ง่ายมาก ไม่มีการตรวจสอบหลักฐานของผู้กู้ยืม ดูเพียงสถานที่ทำงาน ที่อยู่ ตัวตนก็โอนเงินให้ทันที ในส่วนของการจะเข้าข่ายแชร์ลูกโซ่หรือไม่นั้น อยู่ระหว่างการขยายผลและตรวจสอบ เนื่องจากมีเอกสารจำนวนมาก ในส่วนที่ว่าเงินก้อนที่ให้ผู้เสียหายยืมนั้น เป็นเงินของบุคคลมีสี ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้ตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นการทวงหนี้ที่อ้างบุคคลให้เกิดความสำคัญ เพื่อจะให้ทวงหนี้ได้ง่ายขึ้น แต่ก็จะมีการตรวจสอบอย่างละเอียดต่อไป.