ป.ป.ส. เปิดผลตรวจของกลางจากโกดังที่ จ.ฉะเชิงเทรา พบในกระสอบแคลเซียมคาร์บอเนตมีสารเคตามีนปนเปื้อน 1.2 กรัม เลขา ป.ป.ส.ยัน ไม่มีการกลั่นแกล้งดำเนินคดีได้ เชื่อมีการใช้สารเคมีบังหน้าส่งยาเสพติด

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 15 ธ.ค.63 สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (สำนักงาน ป.ป.ส.) แถลงสรุปผลการตรวจพิสูจน์สารต้องสงสัยว่าเป็นเคตามีนบรรจุกระสอบ จำนวน 493 กระสอบ ที่ตรวจยึดได้ในบริเวณโกดังเก็บของ อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา โดยมี นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (เลขาธิการ ป.ป.ส.) พร้อมด้วย พล.ต.ต.ชาตรี ไพศาลศิลป์ ที่ปรึกษา กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) พ.ต.อ.หญิง สุนันท์ ฟูปลื้ม รองผู้บังคับการกองพิสูจน์หลักฐานกลาง สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ ดร.เจริญดี ปิงสุทธิวงศ์ นักวิทยาศาสตร์ชำนาญการพิเศษ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ นายอุดมชัย โลหณุต ผู้อำนวยการสำนักปราบปรามยาเสพติด น.ส.กัญญนันท์ คงภัสนิธิโรจน์ ผู้อำนวยการสถาบันวิชาการและตรวจพิสูจน์ยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส. ร่วมแถลง ณ ห้องประชุมชิดชัย วรรณสถิตย์ สำนักงาน ป.ป.ส. (ดินแดง)

...

นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า สืบเนื่องจากกรณีที่มีการตรวจยึดสารต้องสงสัยว่าเป็นคีตามีนบรรจุกระสอบ จำนวน 493 กระสอบ ในบริเวณโกดังเก็บของ อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2563 ที่ผ่านมา ซึ่งจากการตรวจเบื้องต้นในที่เกิดเหตุพบว่าสารต้องสงสัยดังกล่าวให้ผลเป็นสีม่วงกับชุดทดสอบสารเคมี ต่อมา สำนักงาน ป.ป.ส. ได้บูรณาการการตรวจพิสูจน์ระหว่าง 3 หน่วยงาน ได้แก่ สำนักงาน ป.ป.ส. กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ เพื่อร่วมกันตรวจสอบจำนวน น้ำหนัก และดำเนินการตรวจพิสูจน์อย่างละเอียดในห้องปฏิบัติการ โดยผลการตรวจพิสูจน์เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2563 และการสืบสวนของเจ้าหน้าที่สืบสวนสามารถสรุปได้ ดังนี้

1. จากการเข้าตรวจยึดของกลางที่โกดังดังกล่าว พบว่าของกลางทั้งหมดถูกวางอยู่ภายในโกดัง กระจายอยู่ในบริเวณใกล้กัน ซึ่งแบ่งออกเป็น 4 จุด โดยจุดที่ 1 เป็นกระสอบสีขาว มีการเย็บปากถุงไว้แบบหลวมๆ จำนวน 66 กระสอบ น้ำหนักรวม 1,664 กิโลกรัม จุดที่ 2 เป็นกระสอบสีขาว เย็บปากถุงไว้อย่างแน่นหนา จำนวน 200 กระสอบ น้ำหนักรวม 5,109 กิโลกรัม จุดที่สอบเป็นกระสอบสีฟ้า-ขาว เย็บปากถุงไว้อย่างแน่นหนา จำนวน 200 กระสอบ น้ำหนักรวม 5,020 กิโลกรัม และจุดที่ 4 เป็นกระสอบคละลาย จำนวน 27 กระสอบ น้ำหนักรวม 656 กิโลกรัม โดยในจุดนี้แต่ละกระสอบถูกเปิดปากถุงไว้ และมีสารบรรจุอยู่ไม่เต็มถุง

2. ผลการตรวจพิสูจน์พบว่า สารที่พบในของกลางจุดที่ 1 จุดที่ 2 จุดที่ 3 และจุดที่ 4 (บางส่วน) เป็นสารไตรโซเดียมฟอสเฟต (Na₃PO₄) น้ำหนักรวม 12,148 กิโลกรัม บรรจุอยู่ในกระสอบ 481 กระสอบ

3. ขณะที่ของกลางอีก 12 กระสอบ ในจุดที่ 4 (น้ำหนักรวม 301 กิโลกรัม) ตรวจพบเป็นสารแคลเซียมคาร์บอเนต (CaCO₃) และตรวจพบ “เคตามีน” ปนเปื้อนในสารดังกล่าวในปริมาณที่เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด จำนวน 1.2 กรัม

จากจำนวนเคตามีนที่พบนี้ รวมการสืบสวนของตำรวจ ป.ป.ส. และสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ UNODC ทำให้ พลตำรวจตรีชาตรี ไพศาลศิลป์ ที่ปรึกษากองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด เชื่อว่า กลุ่มผู้ค้ายาเสพติด มีการลักลอบนำเข้ายาเสพติดจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาพักไว้ในประเทศไทย เพื่อสับเปลี่ยนเคตามีนกับสารเคมีที่พบ เนื่องจาก มีลักษณะทางกายภาพที่คล้ายคลึงกัน เพื่อใช้ตบตาเจ้าหน้าที่ และสำแดงเป็นเท็จ ก่อนส่งไปจำหน่ายที่ประเทศจีน-ไต้หวัน ซึ่งมีการตรวจยึดลอตใหญ่ ก่อนสืบสวนกลับมาถึงประเทศไทยได้ก่อนหน้านี้ โดยมีการใช้โกดังในพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นสถานที่สับเปลี่ยน

...

พฤติกรรมดังกล่าว ถือเป็นวิธีการใหม่ที่ไม่เคยพบมาก่อน เพราะการลักลอบส่งออกเคตามีนส่วนใหญ่ที่เคยพบ จะมีการปะปนไปกับพืชผลทางการเกษตรหรือแป้งมากกว่า โดยขณะนี้ เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน เพราะคดีนี้มีการกระทำผิดทั้งในอาณาจักรและนอกราชอาณาจักร โดยจะมีการหารือกับอัยการสูงสุด ว่าสามารถรวมเป็นคดีเดียวกันได้หรือไม่ หรือแยกดำเนินคดีในส่วนความผิดที่เกิดขึ้นในประเทศกับผู้ที่เกี่ยวข้องไปก่อน

ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า การพบเคตามีนปนเปื้อนเพียงเล็กน้อย จะเป็นการกลั่นแกล้งผู้ต้องหา นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า ยืนยันว่า ไม่มีการกลั่นแกล้งแต่อย่างใด และยาเสพติดที่พบเกิน 0.5 กรัม สามารถดำเนินคดีฐาน มีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายฯ ได้ พร้อมเชื่อว่า การขบวนการนี้ มีการนำสารเคมีมาใช้บังหน้าลักลอบขนส่งยาเสพติด เพราะสารเคมีทั้งสองตัวนี้ มีลักษณะคล้ายเคตามีน นอกจากนี้ จะมีการศึกษา ปรับปรุงตัวทดสอบยาเสพติดอีกครั้งหนึ่ง ตลอดจนแนวโน้มนำสารเคมีตัวอื่นมาปะปนกับยาเสพติด หลังการทดสอบเบื้องต้น พบว่า มีสีม่วง จนทำให้เกิดความเข้าใจผิด

ส่วน การดำเนินคดีแยกออกเป็นคดีที่ทางไต้หวันได้จับกุมผู้ต้องหา และตรวจยึดคีตามีนที่ส่งไปจากประเทศไทย ถือว่าเป็นคดีนอกราชอาณาจักร ซึ่งสำนักงาน ป.ป.ส. ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษกับพนักงานสอบสวน บช.ปส. แล้ว ตั้งแต่วันที่ 23 พฤศจิกายน 2563 ขณะนี้พนักงานสอบสวนได้ทำเรื่องเสนออัยการสูงสุดเพื่อพิจารณาดำเนินคดี สำหรับกรณีที่ตรวจพบเคตามีนจากโกดังนั้น สำนักงาน ป.ป.ส. ได้ส่งผลการตรวจให้พนักงานสอบสวน บช.ปส. เพื่อพิจารณาดำเนินคดีกับผู้ต้องสงสัยในข้อหามีเคตามีน ซึ่งเป็นวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท ประเภท 2 ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายไว้อีกส่วนหนึ่งแล้ว

...

ทั้งนี้ สำนักงาน ป.ป.ส. จะได้ประสานและสนับสนุนข้อมูลต่างๆ จากการข่าวและการสืบสวนให้พนักงานสอบสวน บช.ปส. เพื่อประโยชน์ในการดำเนินคดีนี้ต่อไป