ตาเทียบวัย 81 ที่ก่อเหตุยิงลูกเขยดับคาบ้าน ที่ อ.ท่าตะโก มากว่า 40 ชั่วโมง ยอมมอบตัวกับตำรวจนครสวรรค์แล้ว ก่อนนำส่ง รพ.ตรวจเพราะอ่อนเพลีย ด้านพ่อผู้ตายโต้ลูกไม่มีนิสัยขโมยอย่างที่ถูกกล่าวหา


ความคืบหน้ากรณี นายเทียบ ช่วงโชติ หรือ ตาเทียบ อายุ 81 ปี ใช้ปืนขนาด .38 ยิงใส่นายบัลลังค์ ไกรญาติ หรือนายหน่อย อายุ 42 ปี ผู้เป็นลูกเขย เสียชีวิตบริเวณหน้าบันไดใต้ถุนบ้าน พื้นที่หมู่ 7 ต.ท่าตะโก อ.ท่าตะโก จ.นครสวรรค์ เมื่อช่วงเวลา 21.00 น. ของวันที่ 8 ธันวาคมที่ผ่านมา

เมื่อช่วงเช้าวันที่ 10 ธ.ค.63 พล.ต.ต.ระพีพงษ์ สุขไพบูลย์ ผบก.ภ.นครสวรรค์ ได้เดินทางมาที่บริเวณปากทางเข้าบ้านของตาเทียบ เพื่อประชุมและประเมินสถานการณ์กับทีมเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ปฏิบัติการ พร้อมกับวางแผนในการเตรียมบุกเข้าบ้านเพื่อจับกุม แต่ตาเทียบ ได้ขอพบลูกชายคนเล็ก นายประทีบ และนางจรูญ ลูกสาวคนกลาง ที่เป็นภรรยาของลูกเขยที่ตนเองยิงตาย โดยให้มาพบคู่กันบนบ้าน แล้วจะบอกทุกอย่าง ยืนยันว่าจะไม่ทำร้าย จึงส่งเจ้าหน้าที่เดินทางไปรับนางจรูญ ที่จังหวัดลพบุรี ที่นำศพนายบัลลังค์ไปประกอบพิธีทางศาสนาที่วัดบ้านทราย อำเภอบ้านหมี่ อยู่ที่จังหวัดลพบุรี

...

ต่อมาเวลา 12.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ไปรับนางจรูญ และนางสาวกลมวรรณ หลานสาวที่นายเทียบรักและผูกพันมาก มาถึงที่เกิดเหตุ ก่อนพาเข้าไปในพื้นที่บริเวณบ้านที่เกิดเหตุ พร้อมกับลูกชายคนเล็ก และลูกสะใภ้ แต่ไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าไปภายในพื้นที่

ต่อมา 13.30 น. เจ้าหน้าที่ได้นำญาติเข้าไปพบกับตาเทียบ ซึ่งก่อนที่จะพาเข้าไปพบตำรวจได้พูดคุยทำความเข้าใจกับลูกสาวและหลานสาวก่อน เมื่อไปถึงบ้าน ขณะที่ตาเทียบได้บอกให้เข้าบ้านมา และได้คุยกับลูกสาว และมีเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกชุดหนึ่งได้ปีนเข้าทางหน้าต่างหลังบ้าน เพื่อจะเตรียมตัวบุกเข้าชาร์จตัวตาเทียบจากด้านหลัง แต่ตาเทียบได้มอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวนายเทียบขึ้นรถโรงพยาบาลท่าตะก่อน ส่งต่อให้กู้ภัยรับนายเทียบไปยังโรงพยาบาลท่าตะโก เพื่อตรวจสุขภาพของผู้ต้องหาว่าได้รับบาดเจ็บและอ่อนเพลียตรงไหนบ้างขณะที่ลูกสะใภ้บอกว่า ตาเทียบไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่ไม่มีเรี่ยวแรง

ด้าน พ.ต.อ.ณรงค์ศักดิ์ พรหมทา รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพิจิตร ปฏิบัติหน้าที่รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครสวรรค์ ยืนยัน ตลอดการปิดล้อมกว่า 40 ชั่วโมง นายเทียบไม่ได้ยิงตอบโต้ตำรวจแต่อย่างใด โดยการจับกุมครั้งนี้ เป็นการจับกุมได้โดยละม่อม ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ แต่หลังจากที่ควบคุมตัวได้ ตำรวจได้นำตัวนายเทียบไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลท่าตะโก ส่วนชนวนเหตุการสังหารที่แท้จริงต้องรอการสอบสวนหลังจากนี้ แต่เบื้องต้นทราบว่ามาจากการกล่าวหาว่ามีการขโมยเงินกัน

ส่วนทางฝั่งผู้ตาย ที่วัดบ้านทราย อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี บ้านเกิดของนายบัลลังค์ ผู้ตาย พ่อแม่และครอบครัวได้นำศพมาเพื่อทำการบำเพ็ญกุศลศพเป็นคืนที่ 2 ซึ่งบรรยากาศเป็นไปอย่างเศร้าสลด มีญาติสนิท ที่คอยต้อนรับแขกเพียงไม่กี่คน และเมื่อช่วงเที่ยงได้มีเพื่อนของ น.ส.กมลวรรณ หรือน้องนุ่น ไกรญาติ อายุ 18 ปี ซึ่งเรียนอยู่ชั้น ม.6 ร.ร.ท่าตะโกพิทยาคม บุตรสาวผู้ตายกว่า 10 คนได้เดินทางมาเพื่อเคารพศพ โดย น.ส.กมลวรรณ บุตรสาว ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สภ.ท่าตะโก เชิญตัวไปยังบ้านที่เกิดเหตุ เพื่อขอให้น้องกมลวรรณ หรือนุ่น ช่วยเกลี้ยกล่อมนายเทียบ ผู้เป็นตาซึ่งรักน้องนุ่นมาก หวังให้มอบตัวกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ 

...

นายสมพงษ์ ไกรญาติ อายุ 69 ปี พ่อของนายบัลลังค์ ผู้ตาย กล่าวว่า ได้ไปรับศพลูกชายด้วยตนเอง ยอมรับว่าเสียใจอย่างมากที่ลูกต้องมาประสบชะตากรรมแบบนี้ ลูกได้ไปเป็นเขยที่ท่าตะโกตั้งแต่ก่อนเป็นทหาร ประมาณ 20 ปี ตนเองก็เคยไปที่บ้านพ่อตาของลูก ได้คุยได้ดื่มกินกับนายเทียบ มือปืน และยังฝากฝังดูแลลูกและหลานของตนอีกด้วย โดยเวลานี้ไม่พอใจที่กล่าวหาลูกตนเองว่าติดยา และขี้ขโมย ตนขอยืนยันว่าลูกของพ่อไม่เคยเป็นคนเช่นนั้น ทุกเดือนลูกจะนำเงินมาให้พ่อและแม่ ระยะหลังเกิดโควิด-19 ระบาด ลูกไม่ได้ส่งเงิน พ่อแม่ก็เข้าใจ ลูกมาหาก็ดีใจยังส่งเงินค่ารถให้ลูกไปทุกครั้งที่มา ซึ่งลูกสะใภ้ก็ยังทำงาน มีเงิน ไม่ขัดสน หลานสาวก็มีความสุขสบายดี

พ่อของผู้ตาย กล่าวว่า ยอมรับว่าบัลลังค์เคยติดยาเสพติดเมื่อสิบกว่าปีก่อน แต่ได้เลิกเด็ดขาดแล้ว ไม่หวนคืนแน่นอน และเรื่องลักเล็กขโมยน้อยก็ไม่เคยมีเช่นกัน ไม่ทราบว่านายเทียบ พ่อตาวัยดึก ที่ก่อเหตุฆ่าลูกตนมาจากสาเหตุใดแน่ สำหรับการประกอบพิธีบำเพ็ญกุศลศพของนายบัลลังค์ คืนนี้จะมีสวดพระอภิธรรมไปจนถึงคืนวันเสาร์ที่ 12 ธ.ค.และจะมีพิธีฌาปนกิจในวันที่ 13 ธ.ค. 63 เวลา 15.30 น.

...

ต่อมาเวลา 16.00 น. พล.ต.ต.ระพีพงษ์ สุขไพบูลย์ ผบก.ภ.นครสวรรค์ พ.ต.อ.สมบูรณ์ ทองลอย ผกก.สภ.ท่าตะโก เปิดเผยว่า หลังจากที่นายเทียบ ไกรญาติ ได้มอบตัวหลังจากซ่อนตัวอยู่ในบ้านแล้วได้ส่งตัวไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลท่าตะโก โดยหลังจากแพทย์ได้ตรวจร่างกายเรียบร้อย พบว่านายเทียบมีร่างกายแข็งแรงดี จึงให้เจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวกลับไปสอบสวนที่ สภ.ท่าตะโก

เบื้องต้น นายเทียบยอมรับว่าได้ยิงนายบัลลังค์จริง แต่ยังไม่ยอมให้การรายละเอียดแต่อย่างไร เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหาว่าฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ด้าน อาวุธปืนตรวจว่ามีใบอนุญาติครอบครอง และปืนมีทะเบียนถูกต้อง ในส่วนที่มีข่าวออกไปว่านายเทียบยิงต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้น มันเป็นเพียงเสียงของการยิงแก๊สน้ำตาเข้าไปภายในบ้านช่วงเช้า 2 นัดเท่านั้น.