ตำรวจประสานผู้เสียหาย แจ้งความ ม็อบหน้าราบ 11 ปล่อยลมยาง ทุบกระจก พ่นสีรถตู้ สาดสีบนพื้น ทำรั้วสวนหย่อม กทม.เสียหาย เข้าข่าย "ทำให้เสียทรัพย์ซึ่งทรัพย์สินของทางราชการ" เผยทั่วประเทศมีคดีเกี่ยวกับม็อบกว่า 170 คดี อัยการสั่งฟ้องแทบทุกคดี
ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) เวลา 10.40 น. วันที่ 30 พ.ย. พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผบช.น.และโฆษก บช.น. กล่าวว่า กรณีกลุ่มผู้ชุมนุมเคลื่อนขบวนจากวัดพระศรีมหาธาตุ บางเขน ไปยังหน้ากรมทหารราบที่ 11 เมื่อวันที่ 29 พ.ย. ผู้ชุมนุมไม่ได้แจ้งการชุมนุมตามกฎหมาย สน.บางเขน ได้แจ้งให้ยุติการชุมนุมในเวลา 18.00 น. แต่ผู้ชุมนุมฝ่าฝืนชุมนุมต่อจนถึงเวลา 22.00 น.
หลังการชุมนุมยุติ ตรวจสอบทรัพย์สินของทางราชการพบเสียหายหลายอย่าง เช่น รถตู้ตำรวจถูกพ่นสี ปล่อยลมยาง และทุบทำลายกระจกเสียหายกว่า 20 คัน รั้วสวนหย่อม กทม.เสียหาย และผู้ชุมนุมนำสีมาสาดและเทราดบนพื้น และถูกเสื้อผ้าเจ้าหน้าที่ตำรวจบางส่วน ตำรวจได้ประสานหน่วยที่เกี่ยวข้องให้สำรวจความเสียหายก่อนแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดี
"การชุมนุมเข้าข่ายความผิดอย่างน้อย 2 ข้อหา จัดการชุมนุมโดยผิดกฎหมายตาม พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ และทำให้เสียทรัพย์ซึ่งทรัพย์สินของทางราชการ ส่วนการปราศรัยของแกนนำอยู่ระหว่างตรวจสอบว่าเข้าข่ายความผิดใดบ้าง"
พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวอีกว่า ขณะชุมนุม ตำรวจได้จับกุม นายวัชระ หรือ เจี๊ยบ ศรีงาม อายุ 50 ปี ผู้ชุมนุมที่ก่อเหตุทุบและปล่อยลมยางรถตู้ตำรวจ สน.สายไหม ทะเบียน ฮษ 9647 กรุงเทพมหานคร ที่จอดอยู่ตรงป้ายรถประจำทางใกล้จุดที่ชุมนุม ในข้อหาทำให้เสียทรัพย์ ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา นำส่ง สน.บางเขน ดำเนินคดี สำหรับการดำเนินคดีกลุ่มผู้ชุมนุมทั่วประเทศมีกว่า 170 คดี เฉพาะใน กทม.มี 110 คดี ส่งสำนวนให้อัยการไปแล้ว 21 คดี เกือบทั้งหมดอัยการมีความเห็นสั่งฟ้อง และเตรียมส่งให้อัยการอีก 4 คดี คดีที่อยู่ระหว่างรอสอบสวนอีก 85 คดี
...
ด้าน พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. กล่าวว่า ช่วงบ่ายวันที่ 30 พ.ย. ผู้ชุมนุมจะไปให้กำลังใจกับกลุ่มคนที่ถูกออกหมายเรียกบริเวณ สน.ชนะสงคราม และสน.ลุมพินี ประกาศรวมตัวที่บริเวณสวนลุมพินี ยังไม่มีการแจ้งการชุมนุมแต่อย่างใด
ทั้งนี้ การแจ้งการชุมนุมนั้น ถือเป็นการปฏิบัติตามกฎหมายในเบื้องต้น ตาม พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ และเมื่อมีการแจ้งแล้วก็จะต้องปฏิบัติตามกฎหมายในส่วนอื่นด้วย ไม่ให้กระทบสิทธิของผู้อื่นที่ใช้ชีวิตประจำวันตามปกติ นอกจากนี้ตำรวจที่ไปปฏิบัติหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อยตามสถานที่ต่างๆ ที่ได้นัดชุมนุม จะจัดกำลังตามความจำเป็นและความเหมาะสมไม่แจ้งจำนวนตัวเลขให้ทราบเพราะเป็นยุทธวิธี