หนุ่มใหญ่ที่พิษณุโลกก่อเหตุใช้ปืนยิงผู้สูงอายุคาบ้านตายรวม 2 ศพ เผยปมเหตุเพราะถูกผู้ตายและญาติรวม 4 คน กีดกันความรัก เหตุชอบพออยู่กับหลานสาวผู้ตาย แต่โดนต่อว่า ไม่เจียมกะลาหัว ทำให้แค้นมาก
เมื่อวันที่ 10 พ.ย.63 ร.ต.อ.มนัส แก้วจินดาคำ รอง สว.(สอบสวน) สภ.นครไทย จ.พิษณุโลก รับแจ้งมีคนถูกยิงเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บที่บ้านหลังหนึ่งในพื้นที่หมู่ 3 บ้านกกมะโมง ต.ยางโกลน อ.นครไทย จึงเดินทางไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.อ.ธรธวัช แจ่มอุดมโชต ผกก.สภ.นครไทย พ.ต.ท.หาญณรงค์ ตุ้มประสิทธิ์ นวท.สบ 3 กลุ่มงานตรวจสถานที่เกิดเหตุ ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 6 แพทย์เวร รพ.สมเด็จพระยุพราชนครไทย และเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิประสาทบุญสถาน
ที่เกิดเหตุเป็นบ้านสองชั้นครึ่งปูนครึ่งไม้ มีร่างผู้เสียชีวิตนอนหงายจมกองเลือด อยู่บริเวณลานปูนหน้าประตูทางเข้า ทราบชื่อ คือ นายบุญถม นนทะโคตร์ อายุ 68 ปี เป็นเจ้าของบ้าน สภาพศพสวมเสื้อยืดแขนสั้นคอปกสีแดง กางเกงขาสั้นสีดำ มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนลูกซองเบอร์ 9 กระสุนเข้าบริเวณใต้ราวนมขวาจำนวน 7 รู ทะลุหลัง 2 รู โดยมี นางลำพูน นนทะโคตร์ อายุ 68 ปี ภรรยาของผู้เสียชีวิตนั่งเฝ้าศพอยู่ และพบปลอกกระสุนปืนลูกซองสีแดง ตกอยู่ใกล้กับเสาปูนเพิงโรงรถที่ต่อออกมาจากตัวบ้านด้านหน้า 1 ปลอก ส่วนผู้บาดเจ็บชาวบ้านได้ช่วยเหลือนำส่งโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชนครไทย และเสียชีวิตในเวลาต่อมา ทราบชื่อคือ นายจันได มีดา อายุ 70 ปี ชาวบ้านหมู่ ต.ยางโกลน อ.นครไทย จ.พิษณุโลก ถูกยิงด้วยอาวุธปืนกระบอกเดียวกันกระสุนเข้าที่หลังจำนวน 9 รู

...
นางลำพูน ภรรยาของผู้เสียชีวิต กล่าวให้การกับตำรวจสอบสวนว่า คนร้ายที่ก่อเหตุ คือ นายสมหมาย นุบุญมา อายุ 54 ปี อยู่บ้านเลขที่ 57 หมู่ 3 ต.ยางโกลน อ.นครไทย จ.พิษณุโลก มีอาชีพรับเหมาก่อสร้าง โดยก่อนเกิดเหตุนายสมหมายได้ขับขี่รถ จยย.มาจอดที่หน้าบ้านและไม่ได้ดับเครื่องยนต์ ก่อนที่จะเดินถือปืนลูกซองยาวตรงเข้ามายิงนายบุญถมสามีของตน จนล้มลงเสียชีวิต จากนั้นนายสมหมายได้หักลำกล้องดีดปลอกกระสุนปืนออก แล้วใส่กระสุนปืนเข้าไปอีก 1 นัด ก่อนที่จะขับขี่รถ จยย.ไปที่หน้าบ้านนายจันไดที่อยู่ห่างจากบ้านของตนประมาณ 300 เมตร แล้วใช้อาวุธปืนกระบอกเดียวกันยิงนายจันไดได้รับบาดเจ็บ
ภรรยาของนายบุญถม กล่าวอีกว่า จากนั้นผู้ก่อเหตุได้ขี่รถ จยย.หลบหนีไป ญาติและเพื่อนบ้านจึงช่วยกันนำนายจันไดส่งโรงพยาบาลเพื่อให้แพทย์ยื้อชีวิตแต่ก็ไม่เป็นผล นายจันไดเสียชีวิตในเวลาต่อมาที่โรงพยาบาลดังกล่าว ส่วนสาเหตุคาดว่า นายสมหมายไม่พอใจที่สามีตนและนายจันไดที่เป็นอาของหลานสาวที่นายสมหมายหลงรัก แต่สาวคนดังกล่าวต้องทำงานไม่ค่อยได้พูดคุยด้วย เลยอาจทำให้นายสมหมายเข้าใจผิดคิดว่าสามีตนและนายจันไดกีดกันก็เป็นได้
ขณะที่ นางกองคำ มีดา อายุ 66 ปี ภรรยาของนายจันได เปิดเผยว่า ช่วงเช้าวันนี้ตนกับสามีทำพิธีทำขวัญต่อชะตากันอยู่ หลังเสร็จพิธีก็นั่งคุยล้อมวงกันอยู่ จู่ๆ นายสมหมายก็เดินมายืนอยู่ตรงประตูทางเข้าบ้านชั้นล่าง แล้วไม่ได้พูดอะไร จู่ๆ ก็ใช้อาวุธปืนลูกซองยาวยิงนายจันไดสามีตนที่นั่งหันหลังให้จนหน้าคว่ำล้มกลิ้งกับพื้นบ้าน

ส่วน นางสายทอง วงค์หนายโกฏิ อายุ 61 ปี บ้านเลขที่ 63 หมู่ 1 ต.ยางโกลน อ.นครไทย จ.พิษณุโลก หมอทำขวัญที่อยู่ในเหตุการณ์ เล่าให้ฟังว่า ได้ยินเสียงเปิดประตูพอเหลียวไปดูก็เห็นว่านายสมหมายยกอาวุธปืนลูกซองยาวขึ้นมาก็ไม่รู้จะยิงใคร เพราะนั่งกันอยู่ทั้งหมด 7 คน พอเสียงปืนดังก็เห็นนายจันไดถูกยิงล้มคว่ำหน้าลงไปแล้ว เท่าที่ทราบคนร้ายไม่พอใจที่ถูกกัดกันความรัก เนื่องจากมาชอบพอกับหลานสาวผู้ตาย
ต่อมาตำรวจชุดสืบสวนและตำรวจสายตรวจตำบลยางโกลนได้ออกติดตามหาตัวนายสมหมายพบยืนอยู่ที่หน้ายุ้งข้าวบริเวณกลางซอยเข้าบ้านพักของตนเอง ซึ่งอยู่กึ่งกลางระหว่างบ้านนายบุญถมและนายจันไดผู้เสียชีวิต โดยจอดรถจักรยานยนต์ไว้หน้ายุ้งข้าว และนำอาวุธปืนลูกซองยาวไปซุกซ่อนไว้หลังยุ้งข้าวที่บ้านน้องเขย จนท.จึงควบคุมตัวไปสอบสวนปากคำที่ สภ.นครไทย
เบื้องต้น นายสมหมาย ให้การรับสารภาพว่า ชอบพอกับครูสาวคนหนึ่งที่เป็นหลานของผู้เสียชีวิต แต่ถูกนายบุญถมด่าตนว่า “ไม่เจียมกะลาหัว” ทำให้เกิดความโกรธแค้น รวมทั้งญาติของครูสาวอีก 3 คนรวมทั้งนายจันไดด้วยที่กีดกันความรักของตน ตนจึงนำอาวุธปืนไปยิงนายบุญถมแล้วไปยิงนายจันได ส่วนอีกสองคนไม่ทันได้ชำระแค้น เนื่องจากกระสุนมีเพียง 2 นัด ตำรวจจึงควบคุมตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ และควบคุมตัวไว้ที่ สภ.นครไทย เพื่อดำเนินคดีในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาตามกฎหมายต่อไป.