หญิงสาวโทรนัดพระขอเข้ามาทำบุญ ถึงกุฏิหอบถุงใส่ซากทารกมาให้พระช่วยทำบุญ เพราะเกิดแท้งลูกระหว่างตั้งครรภ์ ก่อนต้องรีบพาส่ง รพ.เนื่องจากปวดท้อง ตร.รอสอบปากคำเพื่อหาสาเหตุการแท้งทารกตามขั้นตอน
เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 4 พ.ย.63 พ.ต.ท.ประสิทธิ์ เมฆษา สว.(สอบสวน) สภ.เมืองสมุทรปราการ รับแจ้ง ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดไตรสามัคคี ต.บางเมือง อ.เมืองสมุทรปราการ ว่า ได้มีหญิงสาวติดต่อมาทางโทรศัพท์ว่าจะเข้ามาทำบุญ แต่เมื่อมาถึงกลับได้นำซากเด็กทารกใส่ถุงมาวางภายในกุฏิ หลังรับแจ้งจึงได้ประสานเจ้าหน้าที่สายตรวจเข้าไปตรวจสอบ
เมื่อ จนท.ตรวจสอบถุงดังกล่าวที่อยู่ภายในกุฏิ พบซากทารกเพศหญิง สภาพอวัยวะครบสมบูรณ์ ลำตัวเล็ก มีขนาดยาวเพียงประมาณ 6 นิ้ว ห่อด้วยผ้าขนหนูสีชมพู ทับด้วยถุงพลาสติกสีแดงอีกหนึ่งชั้น ส่วนผู้เป็นแม่นั้น เจ้าหน้าที่ได้ส่งตัวไปรักษาตัวที่ รพ.สมุทรปราการ เนื่องจากมีอาการปวดท้อง
พระครูวินัยธรสมคิด ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดไตรสามัคคี เปิดเผยว่า ตนได้รับโทรศัพท์จากหญิงไทย อายุราว 35 ปี รายหนึ่ง ที่อ้างว่ามีสามีเป็นชาวต่างชาติ แต่กลับต่างประเทศไม่ได้เพราะติดช่วงโควิด-19 ว่าจะขอมาทำบุญให้ลูกที่เกิดแท้งระหว่างตั้งครรภ์ ตนจึงบอกให้มาทำที่วัดได้ตามปกติ แต่เมื่อมาถึงหญิงรายดังกล่าวกลับมีซากทารกห่อด้วยผ้ามาอย่างดี โดยอาตมาก็ตกใจจึงได้เรียกคนอื่นๆ เข้ามาช่วยดู จากนั้นหญิงคนดังกล่าวได้ขอตัวออกไปซื้อเครื่องใช้ของเด็กอ่อนที่ห้างสรรพสินค้าใกล้ๆ
...
ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดไตรสามัคคี กล่าวต่อว่า ขณะที่หญิงคนดังกล่าวกำลังออกไปซื้อของอยู่นั้น มีลูกศิษย์และชาวบ้านมาวิพากษ์วิจารณ์ว่า จะเผาศพเด็กโดยไม่มีที่มาที่ไปไม่ได้ ทำให้ตนไม่สบายใจ จึงตัดสินใจให้ลูกศิษย์วัดเดินไปตามเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ป้อมตำรวจมาตรวจสอบ พร้อมประสานเจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ มารับศพไปชันสูตรตามกฎหมาย แต่จากการสังเกตพฤติกรรมของหญิงสาวรายนี้ ไม่น่าจะมีพฤติการณ์อำพรางซ่อนเร้นศพ แต่น่าจะทำไปเพราะไม่รู้ขั้นตอนกฎหมายมากกว่า
เบื้องต้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ส่งหญิงสาวรายนี้ไปตรวจร่างกายและรักษาตัวที่โรงพยาบาล เพราะมีอาการปวดท้องจากการแท้งลูก และส่งศพเด็กทารกไปชันสูตรที่สถาบันนิติเวช ว่าเด็กคลอดออกมามีชีวิตหรือไม่ ซึ่งหากเด็กคลอดออกมาไม่มีชีวิต ก็จะเป็นการแท้งลูกตามปกติ ซึ่งไม่มีความผิดทางกฎหมาย แต่ทั้งนี้ต้องรอสอบสวนหญิงสาวรายนี้ หลังจากออกจากโรงพยาบาลเสียก่อน.