สร้างความงุนงงให้กับสังคม หลังมีการแถลงข่าวคดีน้องชมพู่ ประเดิมงานแรกในการทำหน้าที่ ผบ.ตร.คนใหม่ของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ได้สร้างความผิดหวังให้กับประชาชน คิดว่าคดีนี้น่าจะมีความคืบหน้า หรือชี้ชัดว่าใครเป็นผู้กระทำผิด แต่กลับไม่มีข้อมูลเพิ่มเติม นอกเหนือไปจากผลยืนยันดีเอ็นเอจากเส้นผมในที่เกิดเหตุ เป็นของเครือญาติฝั่งแม่น้องชมพู่ ซึ่งไม่ได้หมายความว่าเป็นคนร้าย
เช่นเดียวกับ ผศ.ดร.ฐนันดร์ศักดิ์ บวรนันทกุล ประธานหลักสูตรปริญญาเอกนานาชาติ ด้านอาชญาวิทยาและการบริหารงานยุติธรรม มหาวิทยาลัยมหิดล แสดงความสงสัยและแปลกใจกับสิ่งที่ตำรวจออกมาแถลงในคดีน้องชมพู่ ว่าทำไมออกมาเป็นแบบนี้ ไม่มีอะไรเลยจนประชาชนออกมาด่า โดยความรู้สึกส่วนตัวมองว่าจริงๆ แล้วคดีนี้อาจไม่มีอะไรชัดเจน จนไม่มีหลักฐานบ่งบอกว่าใครกระทำ แต่ก็ยังสงสัยอีกว่าทำไมคดีนี้ยืดเยื้อยาวนาน เนื่องจากลักษณะของคดีไม่ซับซ้อนมาก ทำไมไม่สามารถหาตัวผู้ต้องสงสัยได้ หรือในช่วงเกิดเหตุตำรวจในพื้นที่อาจไม่มีทักษะ ทำให้พยานหลักฐานมีการปนเปและสูญหายไป
ไม่ว่า "คดีน้องชมพู่" จะออกมาเป็นรูปแบบใด ในฐานะนักอาชญาวิทยา เห็นว่า ณ ชั่วโมงนี้ คนใกล้ชิดน้องชมพู่ น่าจะรู้ข้อมูลมากที่สุด ซึ่งจากสถิติการทำคดีลักษณะนี้ในต่างประเทศ พบว่ากว่า 90% เป็นเรื่องของคนใกล้ชิด เนื่องจากมีความเกี่ยวโยงกันทั้งเรื่องสภาพแวดล้อม และพื้นที่เกิดเหตุ ทำให้สรุปได้ว่าไม่มีทางที่จะเกิดจากการกระทำของคนนอกหมู่บ้านกกกอก และเชื่อว่า "น้องสะดิ้ง" พี่สาวของน้องชมพู่น่าจะรู้ดีที่สุด
“คดีนี้เมื่อวันเวลาทิ้งระยะไปนาน และไม่มีหลักฐานอะไรเพิ่มเติม มันก็จะหายไปเรื่อยๆ จนคนในสังคมเริ่มไม่สนใจ หรือหาทางออก ด้วยการโยนให้ดีเอสไอทำคดีแทน แต่คดีน้องชมพู่ ไม่ใช่คดีที่มีความซับซ้อน จึงทำไม่ได้ คิดว่าตำรวจคงไม่พยายามที่จะจบคดีนี้ เนื่องจากที่ผ่านมาไม่สามารถระบุว่าคนกระทำผิดเป็นใคร หรืออาจมีแค่หลักฐานบางส่วน ทำให้จับกุมใครไม่ได้ในขณะนี้ และตามหลักการสามารถอ้างได้ว่าคนใกล้ตัวรู้เห็น แต่ไม่บ่งชี้และยอมบอกว่าใครกระทำ โดยส่วนตัวมองว่าผู้เป็นแม่ ต้องรู้อะไรเยอะ และจุดอ่อนของกฎหมาย ให้สิทธิผู้ถูกกล่าวหาค่อนข้างเยอะ ถ้าไม่มีหลักฐานก็ไม่สามารถทำอะไรได้ ไม่รู้ว่าตำรวจได้สอบอะไรไปแล้วบ้าง”
...

ในส่วนหลักฐานที่เป็นเส้นผมในที่เกิดเหตุ ยังไม่เพียงพอ ไม่สามารถเป็นหลักฐานที่จะนำข้อบ่งชี้จากดีเอ็นเอ มาบอกว่าคนนี้เป็นคนฆ่าน้องชมพู่ นอกจากนี้ยังสงสัยในประเด็นหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ อาจต้องมีมากกว่านี้ แต่ทำไมเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถบ่งชี้อะไรให้ชัดเจน
รวมถึงเรื่องพยานหลักฐานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น น้องชมพู่ ไปที่ไหนมา หรือเส้นทางที่ออกไปในเวลาใด จากกล้องวงจรปิด ทำให้มองว่าคดีนี้ดูแปลกๆ ทั้งที่คดีไม่มีความซับซ้อน และยังสงสัยตำรวจออกมาแถลงทำไม ในเมื่อไม่มีอะไรเลยที่คืบหน้า.