เวลาผ่านไป 144 วัน สำหรับหนังม้วนยาวคดีน้องชมพู่ หลังหายตัวไปจากบ้านตั้งแต่วันที่ 11 พ.ค. 2563 ก่อนมาพบศพบริเวณเขาภูเหล็กไฟ บ้านกกกอก จ.มุกดาหาร ในวันที่ 14 พ.ค. และที่ผ่านมามีการชันสูตรพลิกศพมากถึง 3 ครั้ง แต่ยังไม่สามารถหาข้อสรุปได้

  • สังคมให้ความสนใจอีกครั้ง เนื่องจากวันที่ 2 ต.ค. พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.คนใหม่ ประเดิมทำหน้าที่ด้วยการแถลงความคืบหน้าคดีน้องชมพู่ โดยจะมีการสรุปคดีตั้งแต่ต้นจนจบ หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้ความพยายามในการสืบสวนสอบสวน จนคดีนี้มีความคืบหน้าไปประมาณ 99% ส่วนรายละเอียดจะเป็นอย่างไร? สามารถรับชมการถ่ายทอดสดแถลงความคืบหน้า "คดีน้องชมพู่" ได้ทางไทยรัฐทีวี และ "ไทยรัฐออนไลน์"

  • เนื่องจากคดีน้องชมพู่ เป็นที่สนใจของสังคมเป็นอย่างมาก โดยตลอดเวลามีการคาดเดากันว่า น่าจะเป็นคนใกล้ชิดเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของน้องชมพู่ ไม่ว่าจะเป็นนายอนามัย และนางสาวิตรี วงศ์ศรีชา พ่อและแม่ของน้องชมพู่ หรือ ลุงพล นายไชย์พล วิภา ลุงของ "น้องชมพู่" หรือแม้แต่คนในหมู่บ้านกกกอก ถูกมองเป็นผู้ต้องสงสัยไปทั้งหมด 

  • จากการสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ มีผู้ต้องสงสัย ถูกเรียกไปให้ปากคำและไล่ตรวจดีเอ็นอีไปกว่า 1 พันคน แยกเป็นชาวบ้านหมู่บ้านกกกอก 278 ราย บุคคลพ้นโทษใน จ.มุกดาหาร สกลนคร และกาฬสินธุ์ จำนวน 478 ราย และผู้ผ่านเข้ามาในหมู่บ้าน 181 ราย

  • ส่วนผลการผ่าพิสูจน์ทางนิติเวชศาสตร์ที่ผ่านมา ไม่พบร่องรอยการข่มขืนถูกล่วงละเมิด ฆาตกรรม หรือทำร้ายร่างกาย กระเพาะไม่มีอาหารหลงเหลือ คาด "น้องชมพู่" หลงป่า 3 วัน ขาดอาหารจนตาย เพราะสมองและปอดไม่พบความผิดปกติที่เกิดจากการทำร้ายร่างกาย มีเพียงการเน่า กะโหลกศีรษะไม่พบการแตกร้าว คอไม่หัก และไม่มีรอยฟกช้ำ

  • ระยะเวลาอันยาวนานในการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ มีการระดมมือดีด้านสอบสวนมาจากทั่วประเทศลงพื้นที่ ร่วมคลี่คลายคดีน้องชมพู่ ทำให้หมดงบประมาณเป็นหลักล้านบาท และได้ทำให้หมู่บ้านกกกอก เป็นที่รู้จักของผู้คน จากในอดีตเป็นพื้นที่สีแดง เป็นชุมชนของชาวภูไท อพยพมาจาก อ.เต่างอย จ.สกลนคร นอกจากนี้ยังทำให้ลุงพล โด่งดังราวกับซุปตาร์ เป็นพรีเซ็นเตอร์สินค้ามากมาย

  • หรือว่าในการแถลงวันที่ 2 ต.ค. อาจจะมีความเป็นได้ที่จะมีการพักคดี หากมืดแปดด้านไม่สามารถหาหลักฐานเชื่อมโยงถึงใคร ในการหาตัวผู้กระทำผิด หรือปิดคดีไม่ลง สามารถพักการสอบสวนตาม ป.วิอาญาได้ โดยการส่งสำนวนไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด ให้ทำความเห็นสั่งปิดคดี จนกว่าจะมีพยานหลักฐานใหม่ โดยคดีมีอายุความ 20 ปี

...

ก่อนหน้านั้น ผศ.ดร.ฐนันดร์ศักดิ์ บวรนันทกุล ประธานหลักสูตรอาชญาวิทยา การบริหารงานยุติธรรม มหาวิทยาลัยมหิดล เชื่อมั่นว่าคดีนี้ตำรวจจะสามารถปิดคดีได้ และจากข้อมูลพื้นฐานข้อเท็จจริงในคดีเกี่ยวกับเด็กที่คล้ายกับกรณี "น้องชมพู่" ทั้งในต่างประเทศและไทย พบว่าส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับคนใกล้ตัว และคดีน้องชมพู่น่าจะคล้ายๆ กัน เพียงแต่ว่าข้อมูลของตำรวจจะมีมากน้อยเพียงใด หรืออาจมีข้อมูลอยู่แล้วแต่ไม่เปิดเผยออกมา

ในมุมมองส่วนตัวของ ผศ.ดร.ฐนันดร์ศักดิ์ ยังคิดว่าผู้เป็นแม่น่าจะรู้ดีที่สุดมากกว่าใคร ส่วน "ลุงพล" น่าจะอยู่ลำดับ 2 ที่จะรู้เห็นในเรื่องนี้ ส่วน "น้องสะดิ้ง" พี่สาวของน้องชมพู่ที่อยู่ใกล้ชิดมากสุดก่อนน้องสาวหายตัวไป น่าจะรู้เห็นมากที่สุด ซึ่งไม่แน่ใจว่าตำรวจได้สอบปากคำไปแล้วหรือไม่ แค่คาดว่าตำรวจอาจเก็บข้อเท็จจริงเป็นที่เรียบร้อย รอพยานหลักฐานให้หนาแน่นเพียงพอในการทำสำนวนคดี นำไปสู่การจับกุมผู้ที่เกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของน้องชมพู่

พร้อมกับย้ำอย่างชัดเจนว่า ตำรวจจะปิดคดีนี้ได้อย่างแน่นอน เพราะเวลาทำสำนวนต้องมีพยานหลักฐาน มีข้อสมมติฐานจำนวนมากมาย ไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลให้กับสื่อได้ และคิดว่าเด็กที่เป็นพี่สาวน้องชมพู่ เป็นกุญแจสำคัญที่จะคลี่คลายคดี เพราะเรื่องนี้เกี่ยวกับคนใกล้ตัว จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีคนรู้เห็น แม้ตัวผู้เป็นพ่อพยายามไม่พูดอะไร แต่ดูเหมือนพ่อกับลูกสาวคนโตน่าจะมีข้อมูลอะไรบางอย่าง จนกลายเป็นว่าผู้เป็นแม่ต้องออกมาพูดแทนในทุกเรื่อง และคิดว่าน่าจะมีอะไรมากกว่านี้ โดยเฉพาะคนใกล้ตัวถูกตำรวจสอบมากที่สุด หากพ่อและพี่สาวน้องชมพู่ให้ข้อมูลมากกว่านี้ จะสามารถคลี่คลายคดีได้แน่นอน

ก่อนทิ้งท้ายว่าคดีน้องชมพู่เป็นเรื่องที่น่าสนใจ หากตำรวจไทยมีหน่วยงานที่เกี่ยวกับการล่วงละเมิดทางเพศโดยตรง เหมือนกับเอฟบีไอของต่างประเทศก็น่าจะดี คงไม่ยืดเยื้อเหมือนทุกวันนี้ และช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด มีสิ่งหนึ่งที่น่าคิดและพิจารณา เพราะพบว่ามีคดีเกี่ยวกับความรุนแรงในครอบครัวเกิดขึ้นสูงมาก โดยเฉพาะความเป็นอยู่ของคนในครอบครัวต้องเก็บตัวอยู่ในบ้าน อาจมีการกระทบกระทั่งทะเลาะเบาะแว้ง เช่นเดียวกับคดีการฉ้อโกงที่เกิดขึ้นในช่วงโควิดระบาด อาจเป็นจิ๊กซอว์ในการคลี่คลายคดีนี้ได้.