ตำรวจเร่งรวบรวมหลักฐานขอศาลออกหมายจับ 2 นักโทษคดียาเสพติด ปีนออกจากเรือนจำจังหวัดกระบี่ พร้อมสั่งตรวจสอบมาตรการรักษาความปลอดภัย มีจุดใดที่หละหลวมหรือไม่ ทำไมวันเกิดเหตุระบบไฟฟ้าแรงสูงแนวกำแพง ไม่ทำงาน
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีนักโทษคดียาเสพติด 2 ราย หลบหนีจากเรือนจำจังหวัดกระบี่ ล่าสุดเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 1 ต.ค. พ.ต.อ.พิษณุ อัชนะพรกุล รอง ผบก.ภ.จว.กระบี่ เรียก พ.ต.อ.ณรงค์ ลักษณะวิมล ผกก.สภ.เมืองกระบี่ ประชุมพร้อมชุดทำงานทั้งฝ่ายสอบสวน และฝ่ายสืบสวน ที่ สภ.เมืองกระบี่ เพื่อเร่งติดตามตัวนักโทษชาย 2 คน ที่หลบหนีออกไปจากเรือนจำกระบี่ โดยทาง พ.ต.อ.พิษณุ สั่งการให้พนักงานสอบสวนเรียกพยานที่อยู่ภายในเรือนจำมาสอบปากคำทั้งหมด เพื่อดูเรื่องพฤติกรรมการหลบหนี ว่าคนร้ายใช้อุปกรณ์อะไรอย่างไรบ้าง รวมทั้งเร่งรวบรวมหลักฐานเพื่อขออนุมัติออกหมายจับนักโทษทั้ง 2 คน โดยคาดว่าจะออกหมายจับได้ภายในวันเดียวกันนี้ จากนั้นเดินทางไปตรวจสอบเส้นทางที่คาดว่าคนร้ายจะใช้หลบหนี หลังออกมาจากบริเวณของเรือนจำ นอกจากนี้ยังสั่งการให้สอบเจ้าหน้าที่ในเรือนจำ เรื่องการรักษาความปลอดภัยป้องกันนักโทษหลบหนี ว่ามีจุดใดที่หละหลวมหรือไม่ โดยเฉพาะบริเวณขอบกำแพงซึ่งมีสายไฟฟ้าแรงสูงอยู่ แต่ในวันเกิดเหตุระบบไฟฟ้ามีปัญหาหรือไม่
...
พ.ต.อ.พิษณุ กล่าวว่า ตอนนี้ชุดทำงานแยกกันทำงานโดยชุดสืบสวนจังหวัด ลงพื้นที่ไปกดดันในพื้นที่ภูมิลำเนาของนักโทษทั้ง 2 ราย เพื่อกดดันให้ทั้งคู่ยอมเข้ามอบตัว ขณะที่อีกชุดให้ลงพื้นที่ตรวจสอบเบาะแส เส้นทางหลบหนีทั้งหมด โดยเฉพาะกล้องวงจรปิดตามเส้นทาง ต้องดูว่าคนร้ายหลบหนีออกไปอย่างไร มีรถมารับหรือไม่ ส่วนคนร้ายจะยอมมอบตัวหรือไม่ยังไม่สามารถประเมินได้ในตอนนี้ เพราะพฤติกรรมการหลบหนีแบบนี้คนร้ายอาจจะตัดสินใจขัดขืนการจับกุม ซึ่งตนสั่งให้ชุดสืบสวนติดตามเพิ่มความระมัดระวังหากคนร้ายเกิดต่อสู้ระหว่างการจับกุม อย่างไรก็ตามอยากให้ทั้งคู่ติดต่อเข้ามอบตัวจะดีกว่า
ขณะที่ชาวบ้านในพื้นที่ซึ่งอยู่ใกล้กับเรือนจำกระบี่ ยังไม่ได้มีความกังวลเรื่องความปลอดภัยมากนักหลังเกิดเหตุ เนื่องจากหลายคนอยู่อาศัยในพื้นที่มานานจนเกิดความเคยชิน เพราะกรณีคนร้ายหลบหนีออกจากเรือนจำ ไม่ได้เกิดบ่อยครั้ง ซึ่งในเรือนจำกระบี่เคยเกิดเหตุคนร้ายแหกคุกมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อประมาณ 40 ปีที่ผ่านมา แต่สามารถจับกุมกลับมาได้ อย่างไรก็ตาม ยังมีบางส่วนที่กังวล และอยากให้ย้ายเรือนจำไปอยู่ยังจุดอื่นที่มีความปลอดภัยกว่านี้ เนื่องจากสภาพพื้นที่ของเรือนจำกระบี่ เป็นเรือนจำขนาดเล็กที่สามารถจุผู้ต้องขังได้ไม่เกิน 1,000 คน แต่ปัจจุบันมีผู้ต้องขังแออัดมากกว่า 2,000 คน และยังมีสถานศึกษาตั้งอยู่ใกล้กับเรือนจำถึง 2 แห่ง รวมทั้งบ้านเรือนประชาชนบริเวณดังกล่าวอยู่กันอย่างหนาแน่น.