ตำรวจเมืองพิษณุโลก คุมตัวสาววัย 26 คนร้ายที่ลงมือฆ่าปาดคอยายวัย 74 ปี ก่อนชิงทรัพย์แล้วหลบหนีไป ไปทำแผนยังที่เกิดเหตุท่ามกลางชาวบ้านที่มาดู ด้านญาติผู้ตายเดือดปรี่จะทำร้าย จนตำรวจต้องจับแยก


เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 4 ก.ย.63 พ.ต.อ.ภาคภูมิ ปราบศรีภูมิ ผกก.สภ.เมืองพิษณุโลก พ.ต.ท.มนู หรศาสตร์ รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.เมืองพิษณุโลก ร.ต.อ.สมเกียรติ บุญมีจิว รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองพิษณุโลก และตำรวจชุดสืบสวน ควบคุมตัว น.ส.อารยา โสะอ้น อายุ 26 ปี ชาวบ้านหมู่ 8 ต.วัง อ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดพิษณุโลกที่ 218/2563 ในคดีฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา พร้อมรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นสกู๊ปปี้ไอ สีแดง หมายเลขทะเบียน 1 กภ 5764 สุราษฎร์ธานี พาหนะที่ใช้ขณะมาก่อเหตุและหลบหนี ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่ร้านช่อทิพย์ ถนนเอกาทศรฐ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.พิษณุโลก ใกล้เคียงกับโรงแรมท็อปแลนด์และห้างสรรพสินค้าท็อปแลนด์พลาซ่า ใจกลางเมืองพิษณุโลก โดยมีชาวบ้านที่ทราบข่าวต่างเดินทางมารอดูการทำแผนประกอบคำรับสารภาพ และมาดูโฉมหน้าฆาตกรสาวรายนี้จำนวนมาก

...

จากการสอบสวน น.ส.อารยา รับสารภาพว่า มาเฝ้าร้าน PK เฟอร์นิเจอร์ ที่ผลิตและจำหน่ายที่นอนยางพาราให้กับพ่อกับแม่ที่เป็นเจ้าของร้าน และเป็นผู้ก่อเหตุฆ่า นางบัญญัติ กัลป์ทอง จริง เนื่องจากไม่พอใจที่นางบัญญัติผู้เสียชีวิตตัดผมให้ตนเองไม่ถูกใจ จึงได้มีปากเสียงกัน และตนจึงได้ใช้มีดในครัวที่อยู่ในที่เกิดเหตุก่อเหตุดังกล่าวขึ้น และได้หลบหนีกลับไปที่ร้าน PK เฟอร์นิเจอร์ จนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจตามไปพบดังกล่าว ส่วนมีดที่ก่อเหตุเป็นมีดปลายแหลม ยาวประมาณ 6 นิ้ว ที่อยู่ในร้านที่เกิดเหตุ หลังลงมือฆ่าแล้วได้ล้างมีดแล้ววางไว้ที่เดิม ส่วนทองคำที่นำติดตัวมาทั้งหมดได้โยนทิ้งข้างทางไปแล้ว

ขณะที่มีการทำแผนประกอบคำรับสารภาพ เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องกันพื้นที่กันอย่างเต็มที่ เนื่องจากมีญาติพี่น้องและประชาชนมามุงดูกันจำนวนมาก และเกรงว่าจะมีการทำร้ายผู้ต้องหารายนี้ เพราะเคียดแค้นชิงชังกับการกระทำที่โหดเหี้ยม โดยเฉพาะบุตรชาย หลานชาย และญาติของผู้เสียชีวิต

ตำรวจนำตัวผู้ต้องหามาจุดเกิดเหตุโดยรถตู้ และให้สวมหมวกกันน็อกสีดำปิดบังใบหน้า และรีบนำตัวเข้าไปทำแผนภายในบ้านทันที ก่อนให้มานั่งบนรถ จยย.ที่ใช้เป็นพาหนะ ใช้เวลาทำแผนประมาณ 30 นาที ภายหลังการทำแผนเสร็จสิ้นตำรวจรีบนำตัวผู้ต้องหาขึ้นรถตู้ทันทีกลับไปที่ สภ.เมืองพิษณุโลก ระหว่างนั้นชาวบ้านตะโกนด่าผู้ต้องหาอย่างเซ็งแซ่ ผู้ต้องหายังตะโกนด่ากลับด้วยคำไม่สุภาพอีกด้วย ทำให้หลานชายของผู้เสียชีวิตถึงกับจะเข้าไปทำร้ายร่างกายผู้ต้องหา เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องกันตัวไว้จนแทบชุลมุน แต่การทำแผนประกอบการรับสารภาพครั้งนี้ก็สำเร็จลุล่วงด้วยดี

ด้าน สรายุทธ กัลป์ทอง อายุ 51 ปี บุตรชายผู้เสียชีวิต กล่าวว่า ถ้าดวงวิญญาณแม่รับรู้ก็คงให้อภัยและอโหสิกรรมคนร้ายรายนี้ เพราะแม่ของตนเป็นคนที่มีจิตใจดีมากๆ ตั้งแต่เล็กจนโตตนจะให้แม่ตัดผมให้ตลอด ไม่เคยไปให้ช่างคนไหนตัดให้นอกจากแม่ ส่วนตนไม่ต้องการให้คนร้ายมาขอขมาต่อหน้าศพแม่ ให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม และอยากให้กฎหมายของประเทศไทยไม่ลดโทษให้ผู้ก่อเหตุคดีอุกฉกรรจ์ เพราะถ้าติดคุกไปไม่กี่ปีก็ออกมาใช้ชีวิตตามปกติ อยากให้ชดใช้กรรมติดคุกตลอดชีวิต ให้สำนึกกับความผิดที่กระทำลงไป ทั้งนี้ที่คนร้ายอ้างว่าฆ่าแม่เพราะไม่ถูกใจที่ทำผมให้ไม่ดี ตนไม่อยากเชื่อ และมั่นใจว่าไม่ใช่ประเด็นนี้แน่นอน เพราะคนร้ายจ้องเข้ามาชิงทรัพย์มากกว่า

...

บุตรชายผู้เสียชีวิต กล่าวอีกว่า ส่วนศพของแม่ก็จะไปรับกลับจากโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวรในวันพรุ่งนี้ ก่อนนำร่างมาประกอบพิธีทางศาสนาที่วัดศรีวิสุทธิธาราม หรือวัดโคกมะตูม โดยจะตั้งศพสวดพระอภิธรรมจำนวน 3 คืน จากนั้นจะเก็บศพแม่เอาไว้ก่อนเพื่อรอพี่ชายคนโตเดินทางกลับจากประเทศอังกฤษ โดยจะต้องถูกกักตัวตามมาตรการป้องกันไวรัสโควิด-19 จำนวน 14 วัน จึงจะทำการประกอบพิธีฌาปนกิจศพต่อไป

ส่วน พ.ต.อ.ภาคภูมิ ปราบศรีภูมิ ผกก.สภ.เมืองพิษณุโลก เปิดเผยว่า เบื้องต้นได้แจ้งข้อหาฐานความผิดฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและชิงทรัพย์ พร้อมจะสอบสวนในประเด็นอื่นเพิ่มเติม เนื่องจากขณะนี้ยังไม่พบสร้อยคอทองคำและสร้อยข้อมือของกลางที่ผู้ต้องหาอ้างว่าได้โยนทิ้งไประหว่างทาง ส่วนกรณีที่ผู้ต้องหารับสารภาพว่าไม่พอใจที่คนตายตัดผมให้ไม่ถูกใจนั้น ก็เป็นสิทธิ์ของผู้ต้องหาที่จะให้การกับพนักงานสอบสวน แต่ประเด็นการสอบสวนนั้นทางตำรวจยังมุ่งไปที่เรื่องการฆ่าชิงทรัพย์ และมีการเคลื่อนย้ายศพให้เหมือนกับว่าเป็นอุบัติเหตุ ถ้าพบว่าเป็นการฆาตกรรมอำพรางก็จะต้องแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม.