ตำรวจตามรวบหนุ่ม 22 ปี โจรย่ามใจงัดธนาคาร 3 แห่งจากทั้งหมด 6 แห่งที่ อ.สตึก ในช่วง 1 เดือนขโมยเงินตามลิ้นชัก ได้ราวๆ หลักพันเอาไปซื้ออาหารและซื้อยามาเสพ ผจก.ธนาคาร ต่างดีใจที่รวบตัวคนร้ายได้

กรณีเมื่อวันที่ 6 ส.ค.63 ธนาคารกรุงไทย สาขาสตึก ถูกคนร้ายงัดเข้าไปในอาคารของธนาคาร ในเวลากลางคืน แล้วรื้อค้นเอาทรัพย์สิน ได้เป็นเงินสดตามลิ้นชักของพนักงานไปประมาณ 1,500 บาท แล้วหลบหนีไป ต่อมาเมื่อวันที่ 21 ส.ค. ตำรวจ สภ.สตึก ได้รับแจ้งจาก ผจก.ธนาคารกรุงเทพ สาขาสตึก ว่ามีคนร้ายงัดเข้าไปในธนาคาร มีหลักฐานเป็นภาพจากกล้องวงจรปิดเห็นตัวคนร้ายชัดเจน มีเงินสดตามลิ้นชักหายไปกว่า 2,500 บาท หลังจากนั้นตำรวจชุดสืบสวน สภ.สตึก ได้ควานหาตัวบุคคลตามภาพจากกล้องวงจรปิดด้วยการปริ้นท์ภาพใบหน้าไปสอบถามตามสถานที่ต่างๆ และค้นหาตัวทางอิเล็กทรอนิกส์ แต่ก็ไม่พบบุคคลดังกล่าว

กระทั่งต่อมาเมื่อวันที่ 30 ส.ค.63 ตำรวจได้รับแจ้งจาก ผจก.ธนาคารออมสิน สาขาสตึก อีกว่า มีคนร้ายงัดเข้าไปในตัวอาคารในตอนกลางคืน ค้นหาทรัพย์สินในลักษณะเดียวกันกับ 2 ธนาคารก่อนหน้านี้ ได้เงินสดจากตู้บริจาคไปประมาณ 2,000 บาท และโทรศัพท์มือถือของธนาคารที่วางไว้เคาน์เตอร์อีก 1 เครื่อง ตำรวจจึงมั่นใจว่าผู้ก่อเหตุงัดทั้ง 3 ธนาคารเป็นคนเดียวกัน ก่อนจะระดมค้นหาบุคคลต้องสงสัยจนทราบว่ามีคนหน้าตาเหมือนบุคคลในกล้องวงจรปิดของธนาคาร อาศัยอยู่กระท่อมท้ายสำนักสงฆ์แห่งหนึ่งในตำบลนิคม อ.สตึก จึงตามไปจับกุม นายวรวิทย์ หรือก้อง เทพวรรณ์ ดังกล่าว

...

ล่าสุด เมื่อวันที่ 3 ก.ย.63 พ.ต.อ.สัมภาษณ์ ศรีจันทึก ผกก.สภ.สตึก อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ พ.ต.ท.นิติพงษ์ สีทาเลิศ รอง ผกก.สส. พร้อมตำรวจชุดสืบสวน สภ.สตึก นำตัวนายวรวิทย์ เทพวรรณ์ หรือก้อง อายุ 22 ปี ชาวบ้านหมู่ที่ 19 ต.ท่าตูม อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์ นำตัวส่ง ร.ต.อ.เกรียงศักดิ์ กิจไธสง รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.สตึก หลังตามจับตัวได้ที่กระท่อมอยู่กลางป่าของที่พักสงฆ์ 80 ไร่ หมู่ที่ 23 บ้านหนองบัวเหนือ ต.นิคม อ.สตึก พร้อมของกลางอุปกรณ์งัดเงะ ไขควง ตะไบ หมวกกันน็อก เสื้อผ้า โทรศัพท์มือถือยี่ห้อซัมซุง 1 เครื่อง เงินเหรียญบาทจำนวนหนึ่ง และตรวจพบฉี่เป็นสีม่วง

นายก้อง ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า เป็นคนลงมือลักทรัพย์ในธนาคารทั้ง 3 แห่งจริง โดยใช้วิธีต่างกันไป ธนาคารกรุงไทย ใช้วิธีปืนขึ้นตามท่อด้านหลังของธนาคาร แล้วใช้ไขควงงัดหน้าต่างอลูมิเนียมเข้าไปรื้อเอาทรัพย์สิน เมื่อได้ยินเสียงแจ้งเตือนก็รีบหนีไป ส่วนธนาคารกรุงเทพ และธนาคารออมสิน ใช้วิธีเอาตะไบตัดกรงเหล็กดัดแล้วง้างเอาตัวลอดเข้าไปขโมยทรัพย์สิน ก่อนหลบซ่อนตัวอยู่กระท่อมของแม่ตัวเองที่ทำไว้ระหว่างมารับจ้างตัดอ้อย เงินที่ได้มาก็จะเอาไปซื้อกับข้าวและซื้อยาบ้ามาเสพ เมื่อเงินหมดก็จะออกไปหาขโมยอีก ส่วนสาเหตุที่เลือกงัดธนาคารเพราะคิดว่าน่าจะมีเงินมาก

ด้าน นายชนะนันท์ ปิยารัมย์ ผู้จัดการธนาคารออมสิน สาขาสตึก กล่าวว่า ดีใจที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจับตัวคนร้ายได้ โดยเฉพาะธนาคารออมสินที่โดนงัดไปเมื่อวันที่ 30 ส.ค. แล้วจับกุมได้ภายในไม่กี่วัน ถ้ายังไม่ได้ตัวคนร้ายอาจจะไปก่อเหตุอีก 3 ธนาคารที่เหลือใน อ.สตึก อย่างแน่นอน

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า จากการค้นประวัติของนายก้อง พบว่า เคยติดคุกคดีลักทรัพย์ที่เรือนจำจังหวัดนครราชสีมา 5 ปี และเพิ่งพ้นโทษออกมา เบื้องต้นตั้งข้อหาลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยเข้าทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์สิน และเสพยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาบ้า).

...