จับหมอเก๊ แต่งกายเลียนแบบแพทย์หญิงโรงพยาบาลยโสธร ใส่เสื้อกาวน์เดินป้วนเปี้ยนหน้าห้องเอกซเรย์ เรียกเงินค่ารักษาจากญาติผู้ป่วย คนละ 400 บาท เบื้องต้นตำรวจแจ้งข้อหา สวมเครื่องแบบเจ้าพนักงานโดยไม่มีสิทธิ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 27 ส.ค.63 ที่ สภ.เมืองยโสธร นางมณีรัตน์ สันทัดค้า รอง ผอ.ฝ่ายบริหารโรงพยาบาลยโสธร ได้เดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อ พ.ต.ท.ยุทธนา โพธิ์ทอง รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.เมืองยโสธร เพื่อดำเนินคดีกับนางโสภิณ พากเพียร อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 11 หมู่ 6 ต.น้ำอ้อม อ.ค้อวัง จ.ยโสธร ในข้อหาสวมเครื่องแบบเจ้าพนักงานโดยไม่มีสิทธิ
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากหลังจากเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับกุมตัวนางโสภิณได้ขณะกำลังขึ้นรถโดยสารประจำทางอยู่บริเวณด้านหน้าโรงพยาบาลยโสธร ที่กำลังสวมเสื้อกาวน์ของแพทย์หญิงของโรงพยาบาลยโสธร โดยมีตราชื่อของโรงพยาบาลยโสธรอยู่ที่กระเป๋าเสื้อหน้าอกด้านซ้าย และมีชื่อ พญ.โสภิณ พากเพียร ปักอยู่ที่เสื้อบริเวณหน้าอกด้านขวา
เนื่องจากก่อนหน้านี้ทางโรงพยาบาลยโสธรได้รับการร้องเรียนจากผู้ป่วย และญาติของผู้ป่วยว่า มีแพทย์หญิงของโรงพยาบาลยโสธรได้เรียกเก็บเงินเพื่อเป็นค่ารักษาพยาบาลและค่าเอกซเรย์ คนละ 400 บาท โดยผู้ป่วยต้องจ่ายเงินโดยตรงกับแพทย์หญิงคนดังกล่าว จนสร้างความเสียหายให้กับทางโรงพยาบาลยโสธร เพราะทางโรงพยาบาลยโสธรไม่มีนโยบายที่จะให้แพทย์ หรือบุคลากรของโรงพยาบาลไปเรียกเก็บเงินโดยตรงกับผู้ป่วย อย่างไรก็ตาม การจ่ายเงินค่ารักษาพยาบาลจะต้องจ่ายผ่านทางช่องจ่ายเงินของทางโรงพยาบาลเท่านั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า โดยในช่วงบ่ายวันนี้ มีเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลยโสธรสังเกตเห็นหญิงคนดังกล่าวที่แต่งกายเลียนแบบแพทย์หญิงเข้ามาในโรงพยาบาล พร้อมกับเดินป้วนเปี้ยนอยู่บริเวณหน้าห้องเอกซเรย์ของโรงพยาบาล และจากการตรวจสอบรายชื่อของแพทย์พยาบาลในโรงพยาบาลก็ไม่ปรากฏว่ามีชื่อแพทย์หญิงคนดังกล่าว จึงได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่คอยสังเกตดูพฤติการณ์ก่อนจะได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับกุมตัวได้ดังกล่าว พร้อมกับได้นำตัวเข้าห้องควบคุมผู้ต้องหาภายใน สภ.เมืองยโสธร ทันที เพื่อรอให้ผู้เสียหายเข้าไปชี้ตัวเพื่อแจ้งข้อหาเพิ่มอีกครั้ง
...
จากการสอบสวน นางโสภิณ อ้างว่า สาเหตุที่แต่งกายเลียนแบบแพทย์หญิง เพื่อต้องการโกหกสามีว่าตนเป็นแพทย์หญิงของโรงพยาบาลยโสธร เบื้องต้นทางพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหา สวมเครื่องแบบเจ้าพนักงานโดยไม่มีสิทธิ ส่วนข้อหาอื่นต้องรอให้มีผู้เสียหายไปชี้ตัว และแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสานสอบสวนเพิ่มเติมอีกครั้ง.