ศาลให้เลื่อนอ่านคำพิพากษาอุทธรณ์ คดี โมนา อดีตผู้ประกวดนางงามและพวกรวม 3 คน ร่วมกันฆ่าฝังดิน "น้องน้ำ" วัย 15 ปีที่เพชรบุรี เหตุจำเลยที่ 2 ไม่มา โดยให้ออกหมายจับ และเลื่อนอ่านไปเป็น 6 ต.ค.63


เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 27 ส.ค.63 ที่ห้องพิจารณา 808 ศาลอาญา ศาลอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดี หมายเลขดำ อ.3966/2560 ที่พนักงานอัยการคดีอาญา 8 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง น.ส.กฤษณา หรือโมนา สุวรรณพิทักษ์ อายุ 47 ปี อดีตผู้เข้าประกวดนางงาม จ.เพชรบุรี, น.ส.ปรารถนา หรือ เม้า ท้วมทรัพย์ อายุ 35 ปี เพื่อนสนิทรุ่นน้อง และนายปราโมทย์ สุวรรณพิทักษ์ อายุ 47 ปี พี่ชายและเป็นอดีตผู้ใหญ่บ้าน เป็นจำเลยที่ 1-3 ฐานร่วมกันช่วยเหลือผู้อื่นไม่ให้ต้องรับโทษอาญาหรือรับโทษน้อยลง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 184 และจำเลยที่ 1 ฐานฆ่าผู้อื่นฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ซึ่งมารดา ผู้ตาย ยื่นคำร้องขอให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนด้วยเป็นเงิน 1,465,776 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปีด้วย

อัยการโจทก์ยื่นฟ้องว่า เมื่อช่วงเดือน ก.พ.-มี.ค.2555 น.ส.จริยา หรือ น้องน้ำ อายุ 15 ปีเศษ ได้มาทำงานเป็นสาวรับใช้ กับ น.ส.กฤษณา จำเลยที่ 1 ที่บ้านพัก หมู่บ้านกลางกรุงรัชวิภา แขวงจตุจักร เขตจตุจักร กทม. โดยช่วงต้นเดือน เม.ย.-วันที่ 12 เม.ย.2555 จำเลยที่ 1 ซึ่งมีเจตนาฆ่า ได้ใช้ของแข็งไม่มีคม เป็นกระป๋องสเปรย์ ยาวประมาณ 1 ฟุต ทุบตีที่ศีรษะ น.ส.จริยา หลายครั้งซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญ ได้รับแรงกระแทก และยังใช้ท่อต่อพลาสติก เครื่องดูดฝุ่นทุบตีบริเวณต้นขา และใช้ที่หนีบผมขณะที่ยังมีความร้อนจี้ตามลำตัวจนได้รับบาดเจ็บสาหัส จากนั้นเมื่อวันที่ 15 เม.ย.2555 จำเลยที่ 2 และ 3 ร่วมกัน เคลื่อนย้ายศพ ซึ่งได้มีการขุดหลุมฝังศพผู้ตายที่ข้างบ้านพักในจังหวัดเพชรบุรี โดยจำเลยที่ 1 และ 2 ให้การปฏิเสธ ส่วนจำเลยที่ 3 ให้การปฏิเสธแต่ก่อนการสืบพยานในชั้นศาล ได้ขอให้การรับสารภาพที่ถูกฟ้อง ฐานร่วมกันช่วยเหลือผู้อื่นไม่ให้ต้องรับโทษอาญาหรือรับโทษน้อยลง ขณะที่ นางจันทิรา ศรีศักดิ์ มารดาผู้ตายได้ยื่นคำร้อง ขอให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนจากกรณีดังกล่าวเป็นเงินทั้งสิ้น 1,465,776 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปีโดยจำเลยที่ 1-2 ให้การปฏิเสธ ส่วนจำเลยที่ 3 กลับคำให้การรับสารภาพก่อนเริ่มสืบพยาน

...

จำเลยที่ 1 จึงมีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ตามมาตรา 288 ให้ลงโทษจำคุกตลอดชีวิตและต้องชดใช้ให้มารดาผู้ตาย ที่ต้องขาดไร้อุปการะจากบุตรสาวที่เสียชีวิต รวมทั้งค่าปลงศพ เป็นเงินทั้งสิ้น 1,065,776 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปีที่ผิดนัดชำระ นับตั้งแต่วันที่มารดาผู้ตายยื่นคำร้องให้ชดใช้ตั้งแต่วันที่ 5 มี.ค.2555

จำเลยที่ 2-3 มีความผิดฐานร่วมกันช่วยเหลือผู้อื่นไม่ให้ต้องรับโทษอาญาหรือรับโทษน้อยลง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 184 ให้จำคุกคนละ 2 ปี คำให้การของจำเลยที่ 2 ในชั้นสอบสวนมีประโยชน์ต่อการพิจารณาอยู่บ้างลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกไว้ 1 ปี 4 เดือน

ส่วนจำเลยที่ 3 รับสารภาพก่อนสืบพยาน ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 ปี ซึ่ง แม้จำเลยจะให้การรับสารภาพแต่เมื่อพิจารณาพฤติการณ์แล้วเป็นการกระทำที่ร้ายแรง ซึ่งแม้จำเลยที่ 3 จะเคยเป็นผู้ใหญ่บ้านทำคุณงามความดีมาก่อนและเยียวยามารดาผู้ตายแล้วก็ตาม ก็ไม่มีเหตุให้รอการลงโทษ ต่อมาโจทก์และจำเลยยื่นอุทธรณ์

วันนี้ เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้เบิกตัว น.ส.กฤษณา หรือโมนา มาจากทัณฑสถานหญิงกลาง ด้วยใบหน้าเรียบเฉย ส่วนนายปราโมทย์ จำเลยที่ 3 ได้รับการประกันตัว ระหว่างอุทธรณ์คดี เดินทางมาฟังคำพิพากษา ขณะที่ น.ส.ปรารถนา จำเลยที่ 2 ซึ่งได้ประกันตัวไม่ได้เดินทางมาศาล นอกจากนี้มารดาผู้ตาย และนางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรีก็ร่วมเดินทางมาฟังคำพิพากษา โดยมีตำรวจกองปราบปราม 3 รายติดตามมาดูแลความปลอดภัย

ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า นัดอ่านคำพิพากษาในวันนี้ น.ส.ปรารถนา จำเลยที่ 2 ทราบนัดโดยชอบแล้วปรากฏว่าไม่มาศาล จึงให้ออกหมายจับจำเลยที่ 2 เพื่อมาฟังคำพิพากษาและปรับนายประกัน พร้อมเลื่อนไปอ่าน คำพิพากษา วันที่ 6 ต.ค.นี้ เวลา 09.30 น.